การเลือกปฎิบัติที่ไม่เป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 30
มีท่านผู้อ่านสอบถามมาเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติ เช่น ตำรวจจับผู้กระทำความผิดคนหนึ่ง แต่ไม่จับผู้กระทำความผิดอีกคนหนึ่ง หรือสำนักงานเขตสั่งให้บ้านหลังหนึ่งรื้อถอน เนื่องจากปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่อีกหลังหนึ่งทำผิดเหมือนกันแต่ไม่สั่งรื้อ ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ ศาลปกครองสูงสุดวางบรรทัดฐานไว้แล้วว่า มิใช่เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เพราะผู้ฟ้องคดีก็เป็นผู้กระทำความผิด จึงไม่สามารถอ้างสิทธิตามกฎหมายได้ แต่ผมเห็นว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ตาม ป.อ.มาตรา 157 (อ้างอิงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.251/2551)
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.251/2551
การเลือกปฎิบัติที่ถือว่าไม่เป็นธรรมนั้น ต้องเป็นกรณีของการออกคำสั่งทางปกครองที่ขัดต่อหลักความเสมอภาคและเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมือง อันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายจะกระทำมิได้ การจะกล่าวอ้างว่าเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมได้นั้น ต้องเป็นกรณีที่ผู้กล่าวอ้างสิทธิตามกฎหมายจะได้รับสิทธินั้น ๆ แต่ไม่ได้รับสิทธินั้นเพราะการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หาใช่เป็นกรณีที่ผู้กระทำผิดด้วยกัน แต่ผู้กระทำผิดบางคนยังมิได้ถูกดำเนินคดี ฉะนั้น การที่ผู้ฟ้องคดีตั้งสุสานและทำการฝังศพในสถานที่ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำผิดในทำนองเดียวกันกับเจ้าของสุสานรายอื่นที่ยังมิได้ถูกดำเนินคดี จึงมิใช่เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม