เกิดอุบัติเหตุในบ้าน ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
เมื่อประมาณวันที่ 23-4-56 คุณพ่อได้เดินทางไปรื้อถอนบ้านที่ต่างจังหวัดเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เพื่อที่จะสร้างหลังใหม่ และทำเหมือนแคมป์คนงานไว้ข้างๆ พื้นที่บริเวณบ้านและขนย้ายสิ่งของมาไว้เพื่อการอยู่อาศัยและขายของชำ มีคุณตาอายุประมาณ 70 ปีอยู่อาศัย จนกระทั่งวันที่ 29-4-56 คุณพ่อได้เดินทางกลับมาบ้านที่กรุงเทพ
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1-5-56 เวลาประมาณบ่าย 3-4 ที่บ้านต่างจังหวัดได้ว่าจ้างรถขนดินมาถมพื้นที่ แต่เกิดการเฉี่ยวชนและเกี่ยวสายไฟที่ต่อพ่วงไปยังบ้านพักขาดและห้อยลงมา พอหลังจากรถขนดินกลับไปไม่นาน มีลูกค้าอุ้มลูกชายวัยขวบ 11 เดือน มาซื้อสินค้าที่ร้าน และปล่อยให้ลูกวิ่งเล่น ไปโดนไฟดูดเสียชีวิต ทางผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดกับคุณตา ซึ่งเป็นผู้พักอาศัยในข้อหา ทำการประมาทเป็นเหตุให้ผุ้อื่นถึงแก่ความตาย เรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท แต่เหตุที่เกิดเป็นเหตุสุดวิสัย ทางเจ้าของบ้านมีเงินช่วยเหลือเพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ได้ในจำนวนเงิน 3 หมื่นบาท ผู้เสียหายไม่ยอมรับเงินจำนวนนี้ ไม่ทราบว่าจะปล่อยให้ฟ้องเลยจะดีหรือไม่ค่ะ หรือว่ามีทางออกอื่นที่ดีกว่านี้
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
ไฟฟ้าเป็นทรัพย์อันเป็นของที่เกิดอันตรายได้โดยสภาพผู้ครอบครองหรือควบคุมต้องรับผิดโดยกรณีไฟฟ้าที่พาดสายไปตามถนน ถือว่าผู้ครอบครองคือผู้จำหน่ายไฟฟ้า แต่ถ้าต่อสายไฟฟ้าเข้าไปยังสถานที่ของผู้ใช้ไฟฟ้า เช่น บ้านพักอาศัยหรือร้านค้าตามกรณีข้อเท็จจริงตามปัญหาแล้ว ถือว่าสายไฟฟ้าในช่วงดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของผู้ใช้ไฟฟ้าแล้ว หากมีความเสียหายเกิดขึ้นจากไฟฟ้าและ ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องรับผิดเพื่อความเสียหายที่เกิดจากทรัพย์ดังกล่าว เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้เสียหายนั้นเอง ตาม ป.พ.พ.มาตรา 437 วรรคสอง ดังนั้น ถ้าไม่สามารถไกล่เกลี่ยตกลงประนีประนอมยอมความกันได้คู่กรณีจำต้องนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลวินิจฉัยตัดสินชี้ขาดข้อพิพาทจากพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยต่อไป