ถูกนายจ้างแจ้งเลิกจ้างข้อหาลักทรัพย์
ทำงานอยู่แผนกสโตร์ อายุงาน 5 ปี นายจ้างเก่าขายกิจการให้นายจ้างใหม่ จึงต้องเช็คสต๊อกส่งมอบกัน ผลการเช็คสต๊อกมีรายการไม่ตรงกับรายการในบัญชีสินค้าคงเหลือ นายจ้างใหม่จึงออกหนังสือเลิกจ้างข้อหาลักทรัพย์ ทั้งที่ชี้แจงให้รับทราบแล้วเป็นลายลักษณ์อักษร ถึงรายละเอียดของผลต่าง และผู้ที่ควรรับผิดชอบ เรามีหัวหน้างานซึ่งเป็นผู้จัดการทำงานแทนเรา ช่วงที่ลาหยุดงาน มาทำงานตามเวลาทำงานปกติเช้ามาทำงานเย็นกลับ ไม่ได้ถือหรือเอาทรัพย์สินใดๆ ในบริษัทฯ ออกไปด้วย กุญแจห้องสโตร์หัวหน้างานและผู้จัดการคนอื่นอีก 2 คน เขาก็มีติดตัวด้วย แต่นายจ้างแจ้งข้อหาเราลักทรัพย์ได้หรือไม่
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
หากนายจ้างมีพยานหลักฐานตามสมควรที่ให้เห็นได้ว่าลูกจ้างลักทรัพย์นายจ้างอันเป็นการทุจริจต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างอันเป็นความผิดตามกฎหมายดังกล่าว นายจ้างก็สามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามความมาตรา 119(1) แห่ง พรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ทั้งนี้ หากลูกจ้างซึ่งถูกเลิกจ้างดังกล่าวเห็นว่าตนไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดตามที่นายจ้างกล่าวหา ก็มีสิทธิฟ้องนายจ้างต่อศาลแรงงานเป็นคดีเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมเพื่อมีคำสั่งให้แก่นายจ้างรับลูกจ้างเข้าทำงานต่อไปในอัตราค่าจ้างที่ได้รับในขณะที่เลิกจ้าง หรือจ่ายค่าเสียหายให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าทดแทนตาม พรบ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 49
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
มาตรา 119 นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้
(1) ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
การเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยตามวรรคหนึ่ง ถ้านายจ้างไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างหรือไม่ได้แจ้งเหตุที่เลิกจ้างให้ลูกจ้างทราบในขณะที่เลิกจ้างนายจ้างจะยกเหตุนั้นขึ้นอ้างในภายหลังไม่ได้
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522
มาตรา 49 การพิจารณาคดีในกรณีนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้าง ถ้าศาลแรงงานเห็นว่าการเลิกจ้างลูกจ้างผู้นั้นไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้าง ศาลแรงงานอาจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างผู้นั้นเข้าทำงานต่อไปในอัตราค่าจ้างที่ได้รับในขณะที่เลิกจ้าง ถ้าศาลแรงงานเห็นว่าลูกจ้างกับนายจ้างไม่อาจทำงานร่วมกันต่อไปได้ ให้ศาลแรงงานกำหนดจำนวนค่าเสียหายให้นายจ้างชดใช้ให้แทนโดยให้ศาลคำนึงถึงอายุของลูกจ้าง ระยะเวลาการทำงานของลูกจ้าง ความเดือดร้อนของลูกจ้างเมื่อถูกเลิกจ้าง มูลเหตุแห่งการเลิกจ้างและเงินค่าชดเชยที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับ ประกอบการพิจารณา