ยื่นคำร้องต่อศาลเป็นผู้จัดการมรดกของภรรยา

598
3
post on 11 มิ.ย. 2561, 14:46

สวัสดีครับ

ขอรบกวนปรึกษาเกี่ยวกับเรื่อง ยื่นคำร้องต่อศาลเป็นผู้จัดการมรดกของภรรยาครับ ภรรยาผมเสียชีวิตเมื่อปี 2552 ครับ และมีลูกชายด้วยกัน 1 คนปัจจุบันอายุ 12 ปีครับ แต่เพิ่งมายื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก เนื่องจากภรรยาผมไม่มีสินทรัพย์อะไร เลยไม่ได้คิดอะไร

ณ ปัจจุบันปีนี้ บ้านที่เรากู้ร่วมกันตอนซื้อบ้าน เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ผมเป็นผู้จ่ายชำระค่าบ้านมาทุกเดือน ยอดหนี้ใกล้หมดแล้ว เลยติดต่อธนาคารขอโอนบ้านเป็นของตัวเอง ซึ่งธนาคารแจ้งว่าจำเป็นต้องมีผู้จัดการมรดก ในส่วนของผุ้กู้ร่วม (ภรรยาผมเสียชีวิตแล้ว) มาด้วย ถึงจะโอนบ้านได้

แค่นั้นล่ะครับ....ยุ่งเลย จำเป็นต้องติดต่อญาติ พ่อแม่ พี่น้องฝั่งภรรยาผม และปัจจุบันพ่อแม่เค้าเสียชีวิตไปแล้ว เหลือพี่สาว 2 คนและพี่ชาย 2 คน ภรรยาผมเป็นน้องคนสุดท้อง

โดยแม่เค้าเสียชีวิตก่อนภรรยาผม และพ่อเสียชีวิตหลังจากภรรยาผมเสียเมื่อปี 2558 ครับ ผมเลยติดต่อขอเอกสารมรณบัตรพ่อแม่ของภรรยาผม

และชี้แจ้งรายละเอียดพี่สาวภรรยาทราบว่ากำลังจะขอยื่นเป็นผู้จัดการมรดกของภรรยา เพื่อมารับโอนบ้านที่ส่งใกล้หมดแล้ว พี่สาวเค้าตอนแรกเหมือนจะเข้าใจ และจะหาเอกสารให้ แต่พอโทรอีกครั้งไปเพื่อจะไปรับเอกสารมรณบัตร พี่สาวแจ้งว่าให้เอาหนังสือจากธนาคารมาเป็นหลักฐานก่อน ถึงจะให้ใบมรณบัตร

ดูเหมือนเค้าเล่นแง่ ไม่ยอมให้เอกสารล่ะ แล้วถ้าจะต้องให้พี่ๆ เค้าเซ็นเพื่อยินยอมให้ผมเป็นผู้จัดการมรดกภรรยา คงไม่ยอมเซ็นแน่ๆๆ เรื่องมันเริ่มยากกว่าที่คิดครับ

วันต่อมาผมได้โทรติดต่อแบงค์เพื่อขอให้ออกหนังสือรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารจำเป็นในโอนบ้านกรณีผู้กู้ร่วมเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งแบงค์แจ้งว่าออกให้ไม่ได้ ปกติมีแต่เป็นโบว์ชัวร์ เท่านั้น

ดังนั้นผมขอสอบถามทนายหน่อยซิครับ

1. หนังสือมอบอำนาจมีเพียงลูกชายของผมให้ผมจะเพียงพอที่จะเป็นหลักฐาน ในการยื่นขอต่อศาลเพื่อแต่งตั้งผมเป็นผู้จัดการมรดกภรรยาหรือไม่ครับ

2. ถ้าผมไม่สามารถเจรจาพี่ๆ ภรรยาผมให้เซ็นยิมยอมได้ ผมจะต้องทำอย่างไรได้บ้างครับ

ขอบคุณมากครับ

โดยคุณ Somchai_9304 (61.19.xxx.xxx) 11 มิ.ย. 2561, 14:46

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 3

ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำครับ

แต่ผมก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องจำเป็นให้พี่ๆ ภรรยาผมเซ็นยินยอมด้วยครับ ในเมื่อบ้านที่กู้ร่วมกัน ผมก้อเป็นคนส่งชำระหนี้ค่าบ้านทุกบาททุกสตางต์ ญาติพี่น้องเค้าไม่เคยมายุ่งเลย เราก้อไม่เคยไปขอความช่วยเหลือเค้าเลย แม้แต่ค่าเลี้ยงดูลูกชาย ผมก็เลี้ยงเองส่งเสียค่าเล่าเรียนเอง (ทราบครับ เพราะแม่ตายก่อน )

แล้วทำไมตอนพ่อภรรยาผมเสีย เมีื่อ 4 ปีที่แล้ว ไม่เห็นพี่ๆ เค้ามาถามหาทายาทของภรรยาผมเลยอ่ะครับ งานศพพ่อเค้า ไม่มีคั้ยบอกผมเลยครับ หลานก็ไม่เคยไปงานศพตาเค้าเลย ผมมารู้ภายหลังจากเพื่อนๆ บอก

ถ้าเป็นแบบนี้ ถ้าพี่ๆ เค้าอยากมีส่วนแบ่งในบ้านหลังก็ย่อมได้ซิครับ ผมกะภรรยาแต่งงานอยู่กินกัน จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ถูกต้องตามประเพณีทุกอย่าง จนภรรยาผมป่วยเสียชีวิต ผมก็ไม่เคยขอความช่วยจากพี่ๆ เค้าเลย บ้านหลังนี้ก็เป็นเพียงสินทรัพย์ที่ต้องการยกเป็นมรดกให้ลูก (ขอระบายนิสสหนึ่งน่ะครับ)

เท่าที่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ พี่ๆ เค้าเหมือนจะขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมคับ ผมจะพยายามเจรจาให้พี่ๆ เค้าเห็นแก่หลาน สมบัติของหลานยังจะมาขอแบ่งอีกทำไม

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ผมจะพยายามใจเย็น และเจรจากับพี่ๆ เค้าคับ

โดยคุณ Somchai_9304 12 มิ.ย. 2561, 09:50

ตอบความคิดเห็นที่ 3

ทายาทโดยธรรม

ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีว่า การทำมาหากินด้วยลำแข้ง สองผัวเมีย จนมีบ้าน เป็นหลักแหล่ง ญาติไม่เคยมาใส่ใจ แต่จะมาขอแบ่งปันมรดก ชึ่งคงยากจะรับได้ แต่ในเมื่อพวกเขาทราบว่า เขามีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย คงยากจะรามือง่ายๆ...ขอแนะนำให้ใช้สิทธิเรียกร้องมรดกของคุณตา คือเมื่อตาตาย มรดกจะตกทอดแก่ ยาย และลูกๆ ทุกคน เมื่อภรรยาของคุณเสียชีวิต บุตรของคุณย่อมมีสิทธิได้รับมรดกแทนที่ ถ้าใช้ประเด็นนี้ มาเรียกร้องสิทธิ คงยุติความฮึกเหิม ของพวกญาติของภรรยาได้พอสมควร .................

โดยคุณ มโนธรรม เจษฎาสาธุชน 13 มิ.ย. 2561, 02:34

ความคิดเห็นที่ 2

ขอแก้ไข....ขออภัย

ที่ถูกต้องคือ พี่ๆรับมรดกแทนที่ แม่ เพียงส่วน ตามตัวอย่าง ส่วนแบ่งกี่งหนึ่ง 6 แสนบาท แบ่งเป็น 3 ส่วนเท่าๆกัน ( คุณ บุตร และพี่ๆ)คือคุณและบุตร ได้ส่วนแบ่ง 4 แสนบาท พี่ๆ 4 คนได้ส่วนแบ่ง 1 ส่วน คือ 2 แสนบาท แบ่ง 4 คนคนละ 50,000 บาท เป็นต้น..

การเจรจาต่อรอง ให้พี่ๆคนใดคนหนึ่ง เป็นผู้จัดการมรดกร่วมด้วย อาจแก้ปัญหาได้..

โดยคุณ มโนธรรม เจษฎาสาธุชน 12 มิ.ย. 2561, 06:42

ความคิดเห็นที่ 1

การจัดการมรดก

ตอบ...คงต้องให้พี่ๆของภรรยารับรองด้วย เพราะเขามีส่วนได้เสีย

ตอบ...ควรใช้การเจรจา คือเปิดอกคุยกันว่า พี่ๆมีสิทธิรับมรดกแทนแม่ คือบ้าน แบ่งเป็น สองส่วน กึ่งหนึ่ง คุณรับส่วนแบ่งไป อีกกึ่งหนึ่ง เป็นมรดก แบ่ง ให้ คุณ บุตร และพี่ๆ(แบ่ง 6ส่วนเท่าๆกัน) โดยใช้วิธีตีราคา บ้านเป็นเงิน ตามราคาท้องตลาด เช่น ตีราคา 1 ล้านสองแสนบาท คุณรับไปก่อน 6 แสนบาท ที่เหลือ แบ่ง 6 ส่วนคนละ 1 แสนบาท สรุปคุณและบุตร ได้รับ 8 แสนบาท พี่ๆได้ คนละ 1 แสนรวม 4 แสนบาท...ถ้าคุณดึงดันว่า ผมผ่อนส่งผู้เดียวมาตลอด ไม่ยอมแบ่ง ก็คงเกิดเป็นเกม ชักเย่อ ยากจะจบลงได้ในเร็ววัน ทรัพย์สินเงินทองเป็นของบาดใจ เมื่อเขารู้ว่าตนมีสิทธิได้รับส่วนแบ่ง ก็จะตั้งแง่ต่างๆนานา ให้คุณต้องปวดหัว ถ้าให้ส่วนแบ่งตามสิทธิ์ รับรองเรื่องยาก จะกลายเป็นเรื่องง่าย ในทันที เพราะความโลภไม่เคยปรานีใคร ด้วยความปรารถนาดี ครับ

WebBoard :บังคับคดี|ยื่นคำร้องต่อศาลเป็นผู้จัดการมรดกของภรรยา