สวัสดีค่ะ ดิฉันขอรบกวนปรึกษาคดียึดทรัพย์ค่ะ คือดิฉันได้รับหนังสือจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ยึดที่ดินเปล่า ที่เป็นชื่อร่วมกับอดีตสามีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ตีมูลค่าตามหมายศาล 530,000 บาท จากการที่ดิฉันเป็นหนี้บัตรเครดิต ธ.กรุงเทพ มูลค่า 180,000 บาท ซึ่งในเบื้องต้นดิฉันไม่มีประสบการณ์การเจรจาต่อรองกับทนายความฝ่ายธนาคารเลย เป็นการไปศาลครั้งแรกในชีวิต เค้าบอกให้ปีแรกจ่ายเดืิอนละ 3,000 จำนวน 12 เดือน และ 5,000 ในเดือนที่ 13 จนครบจำนวน  แต่ในขณะนั้นดิฉันรู้ตัวเองดีว่าไม่มีรายได้จากทางไหนเลย ทนายก็บอกว่า พี่ก็เซ็นต์รับตามนี้ในเบื้องต้นก่อนนะ ไม่งั้นไม่มีข้อยุติให้ศาลท่านพิจารณา ถ้าติดขัดยังไงค่อยว่ากัน แล้วมันก็ติดขัดจริง ๆ คือดิฉันส่งงวดละ 3,000 ได้เพียง 2 งวด ก็ไม่สามารถส่งได้อีกเลย  แล้วก็ไม่ได้รับการทวงถามจากธนาคารอีกด้วย ดิฉันก็เก็บความสงสัยนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งอดีตสามี เอาหมายศาลมาให้ เพราะส่งไปตามที่อยู่เก่า ซึ่งดิฉันก็เกิดความสงสัยว่าทำไมหมายศาลจึงไม่ส่งมาตามที่อยู่ปัจจุบันที่ได้ให้ไว้ ณ.วันที่ขึ้นศาล แต่ปัญหาทั้งหมดนั้นอยู่ตรงที่ ที่ดินผืนนี้เป็นชื่ิอร่วมและติดจำนองอยู่กับอีกธนาคารนึงมูลค่าหนี้สูงกว่า ราคาประเมิน ซึ่งดิฉันเองก็ยังไม่ทราบว่าจะนำส่งเอกสารสิทธิ์ไปให้ ธ.กรุงเทพ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อย่างไร พอทราบเพียงคร่าว ๆ ว่า ธนาคารที่รับจำนองต้องนำทรัพย์นั้นไปขายทอดตลาด แล้วหักส่วนของตนไว้ เหลือเท่าไหร่ก็นำมาหักหนี้บัตรเครดิต แต่ถ้ายังไม่ครบ ก็จะตามสืบทรัพย์ไปเรื่ิอย ๆ ซึ่งถึงตรงนี่ ดิฉันก็ยังงงอยู่ว่าแนวทางที่จะดำเนินต่อไปเป็นอย่างไร เพราะดิฉันไม่มีทรัพย์สินที่เป็นชื่อส่วนตัวเลย มีแต่เป็นชื่อร่วมกับอดีตสามีและทรัพย์สินนั้นก็ติดหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินโอดีกับอีกธนาคารหนึ่งทั้งหมดเช่นกัน  ดิฉันอยากทราบว่านับจากวันที่ได้รับเอกสารการยึดทรัพย์นี้ ดิฉันต้องเผชิญกับอะไรบ้าง และเป็นเวลาอีกนานเท่าไหร่ และในระหว่างนี้หากมีเงินรายได้ไม่ว่าจากทางใดอยู่ในธนาคารอื่น ๆ ที่เป็นบัญชีชื่ิอของดิฉัน ธนาคารกรุงเทพมีสิทธิอายัติเงินข้ามธนาคารได้หรือไม่ และมีแนวทางใดที่ดีที่ดิฉันสามารถทำได้บ้างในเวลานี้ เครียดมากกับปัญหาหนี้สินจนไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ต้องปิดตัวลงในขณะที่ดอกเบี้ยก็ยังวิ่งและหนี้สินก็ยังคงมีิอยู่ เพราะไม่ได้มีหนี้เฉพาะเพียงแค่บัตรเครดิต ธ.กรุงเทพ ค่ะ ยังมี wisdom กสิกร สี่แสนกว่าและ  personal loan ไทยพาณิชย์อีก 4 แสนกว่าด้วย ค่ะและยังไม่ได้นับรวมกับเจ้าหนี้การค้าที่ต้องผ่อนจ่ายทุกเดือนตามคำสั่งศาล ยังมีดอกเบี้ยโอดีอีกเดือนละหลายหมื่น  และเงินกู้นอกระบบอีก 6 แสน ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน แต่เจ้าหนี้เงินกู้ทำเรื่องฟ้องถึง 950,000 บาท ดิฉันต้องเขียนคำร้องขอ Statement จากธนาคารย้อนหลัง 2 ปี กับ 2 บัญชีเสียค่าธรรมเนียมให้บัญชีเสียค่าธรรมเนียม  2 พัน แถมยังต้อง print statements เองจาก email ที่แบงค์ส่งมาให้  200 กว่าหน้า แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าศาลท่านจะพิจารณาหลักฐานของดิฉันอย่างไรเพราะยังไม่ถึงวันที่กำหนดขึ้นศาล ตอนนี้ไม่ใช่บุคคลล้มละลายก็เหมือนจะเป็นค่ะ เป็นโรคซึมเศร้าจนคิดฆ่าตัวตายหลายครั้งตลอด  5 ปี ที่ผ่านมา นับจากโดนโกงจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของอดีตสามีเมื่อครั้งปี 54 ที่น้ำท่วมใหญ่ โยงใยมาดึงธุรกิจอื่นต้องล้มไปด้วยเพราะหมุนเงินทางนั้นมาโปะทางนี้  วนเวียนมั่วไปหมด ตอนนี้ชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างติดลบต่ำกว่าศูนย์เยอะมากค่ะ บ้านกำลังโดนยึด เพิ่งมีหมายศาลมาวันนี้ ปึกใหญ่เท่ากระดาษ A4 รีมนึง  ชีวิตคู่ต้องจบลงด้วยความบาดหมาง ลูกอายุ 12 ปี ต้องไปอยู่ โรงเรียนประจำเพราะพ่อไม่อยากให้ลูกรับรู้ปัญหาหนี้สินของแม่ เพราะแม่เป็นคนกู้ไงคะเลยเป็นหนี้ของแม่ แม้ว่าเงินที่กู้มานั้นก็นำมาหมุนเวียนในธุรกิจทั้ง 2 อย่าง ที่เราร่วมกันสร้างมา เจ้าหนี้บางรายใจร้ายเหลือเกินโทรทวงหนี้กับเด็ก เขีีีียนประจานหน้าเฟสบุ๊ค ทั้ง ๆ ที่จ่ายดอกเบี้ยให้เดือนละหมื่นก็ตาม ซึ่งดิฉันเข้าใจดีว่าเค้าอยากได้เงินก้อนคืนมากกว่า  เป็นหนีี้ี้ี้ี้เค้าก็็็็ต้องใช้หนี้ เป็นสัจจะธรรม