WebBoard :กฎหมาย|ค่าทนายที่ไม่เป็นธรรม

ค่าทนายที่ไม่เป็นธรรม

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

ค่าทนายที่ไม่เป็นธรรม

  • 494
  • 3
  • post on 27 ก.ค. 2561, 20:27

สวัสดีครับ เพื่อนๆสมาชิกทุกท่านครับ

       วันนี้ผมมีกระทู้เรื่อง "ค่าทนาย"ครับ ก่อนจะเข้าเรื่องผมขอเรียนให้ทุกท่านทราบ ว่าข้อความทั้ง

หมดที่ผมจะเล่าต่อจากนี้เป็นความจริงทุกประการครับ สามารถตรวจสอบได้ทั้งพยานสถานที่และ

พยานบุคคลครับ และมิได้มีเจตนาที่จะใส่ความหรือให้ร้ายกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ครับ

        เรืองเกิดประมาณปี 2544 คุณแม่ผมขอแบ่งทรัพย์สินจากคุณพ่อ เนื่องทนพฤติกรรมของคุณพ่อ ไม่ไหวชอบใช้กำลังทำร้าย ด่าทอ อยู่เนืองๆ ญาติของคุณแม่แนะนำทนายให้ ซึ่งทนายท่านนี้เป็น

บุตรชายของคุณครูที่เคยสอนคุณแม่มา เมื่อตอนเด็กครับ ผมกับคุณแม่ไปหาทนายท่านนี้ที่บ้าน

ระหว่างที่พูดคุยกับทนายนั้น ด้วยอารมณ์อะไรไม่ทราบ คุณแม่ก็พูดออกมาว่า "ถ้าเรื่องนี้สำเร็จฉัน

จะจ่ายเงินค่าทนายให้ 5 แสนบาท" ทางทนายพอได้ยิน ก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน สักพักใหญ่ก็เดินออก

มา พร้อมหนังสือสัญญา 2 ฉบับ แล้วส่งให้คุณแม่อ่าน 1ฉบับ มีอยู่ 2 หัวข้อที่ผมอ่านแล้วรู้สึกสะดุด

คือ "ทนายมีสิทธิ์ที่จะขอถอนทนายได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ" " ต้องจ่ายค่าทนายจำนวน 5 แสนบาท ไม่ว่า

คดีจะถึงที่สุดหรือไม่" ผมก็ทัดทานคุณแม่อยู่เหมือนกัน แต่ที่สุดท่านก็ลงนามในหนังสือสัญญาฉบับ

ดังกล่าว หลังจากวันนั้นผมได้เอกสารสมุดบันทึกของคุณพ่อ ครับ ท่านจะเขียนทุกวัน ว่าไปไหนไปทำอะไร ซึ่งสมุดบันทึกนี้เป็นวัตถุพยานอย่างดี ในการขอแบ่งทรัพย์สิน ผมได้นำไปส่งให้กับทนาย

ต่อมาทนายได้มาที่ศาล เพื่อขอแต่งทนาย และทำสำนวนฟ้องส่งให้ศาล นั่นเป็นงานครั้งแรกที่ทนายทำ ต่อมาทนายได้มีจดหมายแนบคำฟ้อง พร้อมคัดสำเนาหลักฐาน จากสมุดบันทึก ส่งมาให้คุณพ่อที่บ้าน นั่นเป็นงานที่สอง ที่ทนายทำครับ งานที่สาม คีอมาที่ศาลตามนัด คุณพ่อกับคุณแม่ผม ตกลงที่

จะขอไกล่เกลี่ย คุณพ่อแบ่งทรัพย์ให้ จำนวน 3 รายการ มูลค่ทรัพย์จากราคาประเมิน รวมแล้วประ

มาณ 2 ล้านต้นๆครับ สรุปงานนี้จบ ทนายทำงานแค่ 3 ครั้งตามที่กล่าว หลังจากนั้นไม่นานทนายได้

มาที่ศาลเพื่อขอถอนทนาย และขอค่าจ้างทนายตามสัญญา คุณแม่ไกล่เกลี่ยขอลดค่าทนาย เพราะ

เห็นว่าเป็นคดีที่ทนายไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมาก คุณแม่ต่อรองว่าจะให้ค่าทนาย 5 หมี่นบาท

แล้วก็แยกย้ายกันไป เรี่องนี้ก็หายไปนานครับ วันหนึ่งมีจดหมายส่งมาที่บ้านคุณพ่อ ( ตอนนี้ผม น้อง

คุณแม่ ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว) ในจดหมายแนบคำฟ้อง ให้คุณแม่จ่าย ค่าทนายจำนวน 5 แสนบาทครับ

คุณแม่ผมสู้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ถึง ศาลฎีกา แต่แพ้หมดครับ ตอนขึ้นศาลชั้นตัน คุณแม่ไปไม่ทันครับ

พอไปถึง ศาลก็มีคำพิพากษาออกมาแล้ว ชั้นศาลอุทรท์คุณแม่ไปขอทนายอาสา จากสภาทนายครับ

ทนายอาสาก็มิได้เบิกความอะไรที่เป็นประโยชน์ ต่อลูกความนัก ต่อมาทนายที่เป็นโจทย์ ได้ไปขอ

อายัดที่ จำนวน 2 แปลง คือที่ๆเป็นบ้านที่คุณพ่ออาศัยอยู่ กับ ที่ดินเปล่า 1 แปลง ในระหว่างนี้คุณแม่

ได้พบกับทนายอาสาท่านหนึ่ง ท่านยินดีจะช่วยครับ หลังจากที่ท่านแต่งทนายแล้ว ท่านไปที่กรม

บังคับคดี ยื่นคำร้องขอขัดทรัพย์ ต่อมาท่านได้ติดต่อโจทย์ ขอไกล่เกลี่ย แต่โจทย์ไม่มา ส่งตัวแทน

มาครับ คุณแม่ขอให้โจทย์มาพบหลายครั้งครับ แต่ไม่เคยมาเลย เหมือนจะหลบหน้าไม่ยอมมาพบ

ทางคุณแม่บอกกับตัวแทนโจทย์ ว่าจะยกที่ดินเปล่าให้ 1 แปลง 100 ตรว.ราคาประเมิน 4 แสนครับ

และขอให้โจทย์ไปทำการถอนอายัด ที่ดินที่คุณพ่ออยู่ ออกซะ ปรากฏว่าทางโจทย์ไม่ยินยอมครับ

เรี่องก็เงียบไป ต่อมาทนายอาสา ท่านเสียชีวิตกระทันหันครับ ( หลับไม่ตื่น) ทางคุณแม่ก็ติดต่อไปที่โจทย์อีก แต่ก็ถูกปฏิเสธ ไม่พบไม่คุยทั้งนั้น ครานี้มีหมายบังคับคดี มาปิดที่บ้านคุณพ่อ จะเอาบ้าน

หลังนี้ขายทอดตลาดครับ ( ดูการกระทำของผู้ที่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ตราเครื่องหมายบนไหล่

ซ้ายของท่าน คงไม่เหมือนกับท่านอื่นๆ เพราะสิ่งที่ท่านต้องการนั้น สร้างความเดือดร้อนมากๆๆถึง

ขั้นทำร้ายจิตใจและร่างกายของผู้ชราภาพ อย่างร้ายแรงครับ ) เสนออะไรให้ก็ไม่เอาครับ เหมือน

จะประวิงเวลาไปเรื่อยๆ ครับ ตอนนี้ค่าทนายที่คุณแม่ต้องจ่ายคือ 3940000 ครับ 

           สุดท้ายนี้ผมอยากให้ท่านสมาชิกช่วยวินิจฉัยให้ผมด้วยครับ ขอบคุณครับที่อ่านขอความของ

ผมครับ










โดยคุณ นายนพรัตน์ (61.19.xxx.xxx) 27 ก.ค. 2561, 20:27

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 3

การแก้ปัญหา

  หน่วยงานที่  คุณกล่าวถึง  เมื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์  ก็คงมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง  และให้ความช่วยเหลือ ตามคลองธรรม  คือ...หลักการของการให้ความช่วยเหลือ   ก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย  ในเมื่อต้นเหตุของเรื่องนี้ คือไปจ้างเขาว่าความ  เมื่อเขาทำหน้าที่แล้วเสร็จ ก็มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามสัญญา   หน่วยงายใดๆก็ตาม  คงไม่สามารถไปบังคับให้เขาทำตามที่สั่งได้  เพราะไม่มีกฎหมายรองรับให้สามารถทำได้...ก็หลงทางในการแก้ปัญหา มาแต่ต้น  คือไปฟ้องศาล ซึ่งกว่าจะถึงชั้นฎีกา  ต้องใช้เวลาหลายปี  น่าจะใช้การไกล่เกลี่ยเจรจากันแต่แรก  โดยใช้ความสัมพันธ์กันแต่หนหลัง  ระหว่างครูและศิษย์  การเจรจาอาจจะประสบผล  หรือถ้าจะฟ้อง  ก็ควรฟ้องในประเด็น เรื่อง ในข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม  .....แม้ในขณะนี้  ก็ควรหาโอกาสเจรจากันอีก  ด้วยความปรารถนาดี ครับ
โดยคุณ มโนธรรม เจษฎาสาธุชน 29 ก.ค. 2561, 07:38

ความคิดเห็นที่ 2

จริงตามนั้นครับ

แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทางผมก็พยายามติดต่อเขา เพื่อที่จะขอไกล่เกลี่ย ว่าจะขาย/ยกที่ดินเปล่า

ราคาประเมินทรัพย์ ก็อยู่ที่ 4 แสนกว่า แต่กลับไม่รับ ซึ่งตามมรรยาทแล้วก็น่าจะรับไว้ เพราะ

เป็นทรัพย์สินที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มพูนได้ และทางโจทย์ก็ทราบดีว่าฐานะความเป็นอยู่ของ

จำเลยนั้นต้องเร่ร่อน ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีเงินมีแต่ทรัพย์สินที่ได้รับแบ่งมาเท่านั้น ดูเหมือนว่า

โจทย์จะประวิงเวลาเอาไว้ หรือ มีเจตนาที่จะกระทำ ซึ่งจะยังผลให้ประโยชน์แก่ตน แต่จำเลย

จะได้รับความเดือดร้อน เพราะสุดท้ายแล้ว โจทย์ก็หันมาขอบังคับคดี เอาที่อยู่อาศัยของจำเลย

ขายทอดตลาด เพื่อชดใช้ค่าทนาย แก่โจทย์ ซึ่งจากเดิมแค่ 5 แสนบาท แต่จากดอกเบี้ยที่ทบ

เข้ามาทำให้เป็นจำนวนเงินถึง 3 ล้านกว่าบาท และถ้าขายทอดตลาดไม่พอ โจทย์ก็จะบังคับ

เอาที่ดินเปล่าอีกแปลงที่เหลีอขายทอดตลาด เพื่อให้ครบกับจำนวนหนี้ ตามที่ศาลสั่ง ก็เป็นอัน

ว่าจบกัน รายการนี้จำเลยขอแบ่งทรัพย์สิน มูลค่า 2 ล้าน แต่ต้องมาเสียค่าทนาย เป็นจำนวน

เงินกว่า 3 ล้านบาท ที่จะอยู่อาศัยก็ไม่มี ใช้หนี้ก็ไม่พอ แล้วความยุติธรรมล่ะ อยู่ที่ไหนครับ


โดยคุณ นายนพรัตน์ 28 ก.ค. 2561, 11:59

ตอบความคิดเห็นที่ 2

เรื่องความยุติธรรม

           เรื่องของผมตามที่กล่าวมาคงจบแล้ว สำหรับกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล คิดว่าคง

จะไปทำอะไรต่อไม่ได้แล้ว ตอนนี้ก็มีเพียงส่ง "เรื่องราวร้องทุกข์ "ขอความเห็นครั้งสุดท้ายครับ

ผมได้ส่งเรื่องร้องทุกข์ ไปตามนี้ครับ

           1.สำนักราชเลขาธิการ ในพระองค์ฯ

           2.สำนักนายกรัฐมนตรี

           3.สำนักปลัดกระทรวงยุติธรรม

           4.สำนักสภาทนายความ

ผลที่ได้รับออกมาอย่างไร ผมก็จะปฏิบัติตามนั้น ครับ


โดยคุณ นายนพรัตน์ 28 ก.ค. 2561, 13:37

ความคิดเห็นที่ 1

การจ้างทำของ

  การจ้างทนายว่าความ  เป็นการทำของ  เมื่อทำการสำเร็จลง  ผู้ว่าจ้างก็ต้องจ่ายเงินตามสัญญา เมื่อมีการฟ้องเรียกค่าว่าความ การแพ้คดี จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย แต่อย่างใด...ถ้าคิดว่า ไม่เป็นธรรม  ต้องฟ้องให้ยกเลิกสัญญา  ในประเด็นเรื่องข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งจะเป็นธรรมหรือไม่  คงต้องให้ศาลวินิจฉัย...การตกลงใดๆในทางแพ่ง  ถ้าไม่ขัดต่อกฎหมาย  ไม่เป็นเหตุสุดวิสัย  ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน ย่อมใช้บังคับได้เสมอ...คุณก็เฉลียวใจมาแต่ต้นแล้วว่า สัญญาน่าจะไม่เป็นธรรม ทำไม ไม่โต้แย้งแต่แรก  เมื่อไปทำสัญญาผูกมัดตนเองไว้  คงยากจะแก้ไข...การทำหน้าที่ของทนาย  แม้จะทำเพียงครั้งเดียว  ก็คงยากจะนำมาโต้แย้งว่า  ทำงานไม่คุ้ม  เพราะไปทำสัญญาปิดปากตนเองไว้ แต่แรก ...ตอบตามหลักการ เท่านั้น ไม่ได้ไปเข้าข้างฝ่ายเดียว  เพราะผู้ตอบ ไม่มีความจำเป็นต้องไป โอนเอนเข้าข้างฝ่ายใด ให้ต้องเปลืองตัว เจตนาที่เข้ามาตอบปัญหา ที่ทำมา เกินกว่า สิบปี  ก็เพื่อให้ความกระจ่าง ในข้อกฎหมาย แก่ปวงชนทั้งหลาย เท่านั้น  ด้วยความปรารถนาดี ครับ
โดยคุณ มโนธรรม เจษฎาสาธุชน 28 ก.ค. 2561, 01:51

แสดงความเห็น