สวัสดีครับ เพื่อนๆสมาชิกทุกท่านครับ
วันนี้ผมมีกระทู้เรื่อง "ค่าทนาย"ครับ ก่อนจะเข้าเรื่องผมขอเรียนให้ทุกท่านทราบ ว่าข้อความทั้ง
หมดที่ผมจะเล่าต่อจากนี้เป็นความจริงทุกประการครับ สามารถตรวจสอบได้ทั้งพยานสถานที่และ
พยานบุคคลครับ และมิได้มีเจตนาที่จะใส่ความหรือให้ร้ายกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ครับ
เรืองเกิดประมาณปี 2544 คุณแม่ผมขอแบ่งทรัพย์สินจากคุณพ่อ เนื่องทนพฤติกรรมของคุณพ่อ ไม่ไหวชอบใช้กำลังทำร้าย ด่าทอ อยู่เนืองๆ ญาติของคุณแม่แนะนำทนายให้ ซึ่งทนายท่านนี้เป็น
บุตรชายของคุณครูที่เคยสอนคุณแม่มา เมื่อตอนเด็กครับ ผมกับคุณแม่ไปหาทนายท่านนี้ที่บ้าน
ระหว่างที่พูดคุยกับทนายนั้น ด้วยอารมณ์อะไรไม่ทราบ คุณแม่ก็พูดออกมาว่า "ถ้าเรื่องนี้สำเร็จฉัน
จะจ่ายเงินค่าทนายให้ 5 แสนบาท" ทางทนายพอได้ยิน ก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน สักพักใหญ่ก็เดินออก
มา พร้อมหนังสือสัญญา 2 ฉบับ แล้วส่งให้คุณแม่อ่าน 1ฉบับ มีอยู่ 2 หัวข้อที่ผมอ่านแล้วรู้สึกสะดุด
คือ "ทนายมีสิทธิ์ที่จะขอถอนทนายได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ" " ต้องจ่ายค่าทนายจำนวน 5 แสนบาท ไม่ว่า
คดีจะถึงที่สุดหรือไม่" ผมก็ทัดทานคุณแม่อยู่เหมือนกัน แต่ที่สุดท่านก็ลงนามในหนังสือสัญญาฉบับ
ดังกล่าว หลังจากวันนั้นผมได้เอกสารสมุดบันทึกของคุณพ่อ ครับ ท่านจะเขียนทุกวัน ว่าไปไหนไปทำอะไร ซึ่งสมุดบันทึกนี้เป็นวัตถุพยานอย่างดี ในการขอแบ่งทรัพย์สิน ผมได้นำไปส่งให้กับทนาย
ต่อมาทนายได้มาที่ศาล เพื่อขอแต่งทนาย และทำสำนวนฟ้องส่งให้ศาล นั่นเป็นงานครั้งแรกที่ทนายทำ ต่อมาทนายได้มีจดหมายแนบคำฟ้อง พร้อมคัดสำเนาหลักฐาน จากสมุดบันทึก ส่งมาให้คุณพ่อที่บ้าน นั่นเป็นงานที่สอง ที่ทนายทำครับ งานที่สาม คีอมาที่ศาลตามนัด คุณพ่อกับคุณแม่ผม ตกลงที่
จะขอไกล่เกลี่ย คุณพ่อแบ่งทรัพย์ให้ จำนวน 3 รายการ มูลค่ทรัพย์จากราคาประเมิน รวมแล้วประ
มาณ 2 ล้านต้นๆครับ สรุปงานนี้จบ ทนายทำงานแค่ 3 ครั้งตามที่กล่าว หลังจากนั้นไม่นานทนายได้
มาที่ศาลเพื่อขอถอนทนาย และขอค่าจ้างทนายตามสัญญา คุณแม่ไกล่เกลี่ยขอลดค่าทนาย เพราะ
เห็นว่าเป็นคดีที่ทนายไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมาก คุณแม่ต่อรองว่าจะให้ค่าทนาย 5 หมี่นบาท
แล้วก็แยกย้ายกันไป เรี่องนี้ก็หายไปนานครับ วันหนึ่งมีจดหมายส่งมาที่บ้านคุณพ่อ ( ตอนนี้ผม น้อง
คุณแม่ ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว) ในจดหมายแนบคำฟ้อง ให้คุณแม่จ่าย ค่าทนายจำนวน 5 แสนบาทครับ
คุณแม่ผมสู้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ถึง ศาลฎีกา แต่แพ้หมดครับ ตอนขึ้นศาลชั้นตัน คุณแม่ไปไม่ทันครับ
พอไปถึง ศาลก็มีคำพิพากษาออกมาแล้ว ชั้นศาลอุทรท์คุณแม่ไปขอทนายอาสา จากสภาทนายครับ
ทนายอาสาก็มิได้เบิกความอะไรที่เป็นประโยชน์ ต่อลูกความนัก ต่อมาทนายที่เป็นโจทย์ ได้ไปขอ
อายัดที่ จำนวน 2 แปลง คือที่ๆเป็นบ้านที่คุณพ่ออาศัยอยู่ กับ ที่ดินเปล่า 1 แปลง ในระหว่างนี้คุณแม่
ได้พบกับทนายอาสาท่านหนึ่ง ท่านยินดีจะช่วยครับ หลังจากที่ท่านแต่งทนายแล้ว ท่านไปที่กรม
บังคับคดี ยื่นคำร้องขอขัดทรัพย์ ต่อมาท่านได้ติดต่อโจทย์ ขอไกล่เกลี่ย แต่โจทย์ไม่มา ส่งตัวแทน
มาครับ คุณแม่ขอให้โจทย์มาพบหลายครั้งครับ แต่ไม่เคยมาเลย เหมือนจะหลบหน้าไม่ยอมมาพบ
ทางคุณแม่บอกกับตัวแทนโจทย์ ว่าจะยกที่ดินเปล่าให้ 1 แปลง 100 ตรว.ราคาประเมิน 4 แสนครับ
และขอให้โจทย์ไปทำการถอนอายัด ที่ดินที่คุณพ่ออยู่ ออกซะ ปรากฏว่าทางโจทย์ไม่ยินยอมครับ
เรี่องก็เงียบไป ต่อมาทนายอาสา ท่านเสียชีวิตกระทันหันครับ ( หลับไม่ตื่น) ทางคุณแม่ก็ติดต่อไปที่โจทย์อีก แต่ก็ถูกปฏิเสธ ไม่พบไม่คุยทั้งนั้น ครานี้มีหมายบังคับคดี มาปิดที่บ้านคุณพ่อ จะเอาบ้าน
หลังนี้ขายทอดตลาดครับ ( ดูการกระทำของผู้ที่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ตราเครื่องหมายบนไหล่
ซ้ายของท่าน คงไม่เหมือนกับท่านอื่นๆ เพราะสิ่งที่ท่านต้องการนั้น สร้างความเดือดร้อนมากๆๆถึง
ขั้นทำร้ายจิตใจและร่างกายของผู้ชราภาพ อย่างร้ายแรงครับ ) เสนออะไรให้ก็ไม่เอาครับ เหมือน
จะประวิงเวลาไปเรื่อยๆ ครับ ตอนนี้ค่าทนายที่คุณแม่ต้องจ่ายคือ 3940000 ครับ
สุดท้ายนี้ผมอยากให้ท่านสมาชิกช่วยวินิจฉัยให้ผมด้วยครับ ขอบคุณครับที่อ่านขอความของ
ผมครับ