ตามหัวข้อเลยครับ อยากจะขอคำปรึกษาในฐานะที่ท่านประกอบอาชีพเป็นทนายความมาอย่างยาวนาน
ตอนนี้ขั้นตอนการดำเนินคดีลูกจ้างลักทรัพย์มาถึงขั้น ตำรวจเรียกผู้ต้องหามาสอบสวนและผู้ต้องหายอมรับสารภาพทุกข้อหาเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือคือ ทางตำรวจเรียกตัวผมและทางครอบครัวผู้ต้องหามาเจรจาใกล่เกลี่ยกันว่าพร้อมจะชดใช้เงินอย่างไรหรือจะให้ดำเนินคดีในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
ทีนี้จริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้สองเดือนครึ่ง เคยเจรจากับ พ่อ แม่ ของผู้ต้องหามาก่อนหน้านี้แล้ว
เรื่องที่ว่าหากภายในระยะเวลาสามเดือนยังนำเงินที่ยักยอกทรัพย์ไปมาคืนไม่ได้จะดำเนินคดีตามกฏหมาย
พ่อ แม่ ของผู้ต้องหาก็ยอมรับว่าลูกสาวยักยอกทรัพย์และลักทรัพย์ของบริษัทนั้นเป็นความผิดจริง
แต่อยากให้ลงโทษด้วยวิธีอื่นแทนการให้ลูกติดคุก โดยให้ผ่อนชำระเป็นงวดๆ ซึ่งบอกตามตรง ใช้เวลาร่วม 15-20 ปี ถึงจะหมดหนี้ที่กระทำผิดอย่างเดียว (ไม่รวมดอกเบี้ยด้วยซ้ำ) ซึ่งบริษัทยอมรับว่า มันไม่ยุติธรรมกับบริษัทเลย อ้างแต่ว่าบ้านจน ไม่มีทรัพย์สินใดๆ ให้
แถมลูกสาวนั้นมีลูกด้วย ลูกของเธอไม่มีแม่จะลำบาก
เพราะแฟนของเธอที่มีลูกกันก็ไม่ได้จดทะเบียนกัน แถมจะไม่มีลูกสาวไว้ช่วยงานพ่อ แม่ ที่แก่
คือเป็นประเภท ไร้เหตุเหตุผล รู้ว่าลูกฉันกระทำผิดมาก ฉันก็จะไม่ยอมให้ดำเนินคดีเด็ดขาด แถมมีขู่ อาฆาต เราคืนด้วย เอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเองล้วนๆ
และที่จะนัดเจรจาใกล่เกลี่ยกันในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านั้นก็คงมามุขเดิมอีกแน่ๆ
เพราะต่อให้ ผู้กระทำผิดสารภาพ มีผู้ร่วมกระทำผิดรวม 3 คน
แต่ค่าเสียหายหารสามแล้วก็ยังต้องจ่ายคนละ 4 แสนกว่าบาท ดูแนวโน้มแล้วคงไม่มีจ่ายอีกนั่นแหละ
บริษัทเองยอมรับว่าคงอารมณ์ขึ้นแน่ๆ ยังไม่อยากใช้วิธีรุนแรง จนเผลอด่าทอ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย กับ พ่อ แม่ ผู้กระทำผิดที่ยืนกระต่ายขาเดียวว่า ถึงลูกฉันผิด แต่ห้ามลงโทษจำคุกนะ อย่างไร้เหตุผลแน่ๆ
เลยอยากขอคำปรึกษาจากประสบการณ์การเป็นทนายของคุณทนาย
ที่น่าจะเจอผู้กระทำผิดและครอบครัวผู้กระทำผิดมาหลากหลาย รวมทั้งกรณีแบบนี้ด้วยแล้วนั้น
มีวิธีพูดจา อธิบาย อย่างสุภาพ อธิบายเหตุผล ให้ พ่อ แม่ ผู้ต้องหายอมเข้าใจ
และยอมให้ลูกยอมรับโทษตามกฏหมาย หากไม่มีเงินมาชดใช้ตามกำหนดเวลาอย่างไรบ้าง
หรือมีคำแนะนำใช้วิธีไหนเพิ่มเติมได้บ้างครับ กับกรณีครอบครัวผู้ต้องหาเป็นแบบนี้ครับ