พี่ชายและภรรยาอยู่กินกันมา19ปีมีบุตร2คนคนโตอายุ17คนเล็ก5ขวบ เมื่อเดือนธันวาคม2558ทั้งคู่ตกลงไปหย่ากันโดยในใบหย่าระบุให้ฝ่ายหญิงเป็นผู้ดูแลบุตรทั้งสองเพียงผู้เดียวและทั้งคู่ยินดียกบ้านพร้อมที่ดินและรถมอเตอรไซค(ในนามชื่อของภรรยา)ให้แก่บุตรคนเล็กและรถเก๋ง(ในนามชื่อพี่ชาย)ให้แก่บุตรคนโต**หลังจากการหย่าเสร็จสิ้นทั้งคู่ยังคงใช้ชีวิตในบ้านเดียวกันและใช้ชีวิตตามเดิมจนกระทั่งเดือนมกราคมฝ่ายหญิงออกจากบ้านไปพร้อมรถเก๋งและบุตรคนเล็กลูกชายคนโตสืบทราบเรื่องได้อีกสามวันถัดมา**แม่ไปเช่าบ้านอยู่และมีสามีใหม่ **บุตรคนโตขอน้องกลับบ้านและ...พี่ชายก็ทำการเลี้ยงดูบุตรทั้งสองต่อมาตามปกติ
**ทางฝ่ายหญิงไม่มีเงินซ่อมรถเก๋งคันดังกล่าวจึงเอารถไปจอดไว้ที่บ้านสามีใหม่ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากบ้านที่เคยอาศัยไปสี่หลังคา**และทำการย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านดังกล่าวหลังจากไปเช่าอยู่ข้างนอกประมาณสามอาทิตย์ บุตรคนโตทราบเรื่องจึงไปลากรถเก๋งเข้าอู่ทำการส่งซ่อมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดพี่ชายเป็นคนชำระเองทั้งสิ้น7000บาท
**ฝ่ายหญิงใช้ชีวิตอยู่กินกับสามีใหม่ตั้งแต่นั้นมาโดยไม่เคยมาใส่ใจดูแลบุตรทั้งสองเลย....โดยพี่ชายไม่ได้ว่ากล่าวประการใดยังคงทำหน้าที่พ่อเลี้ยงดูบุตรทั้งสองด้วยดีมาตลอด
จนกระทั่งเดือนกรกฏา2560ฝ่ายหญิงมาใช้สิทธิตามใบหย่ามารับเอาตัวบุตรคนเล็กไปจากโรงเียนและไม่ยอมให้บุตรเจอหน้าพี่ชายด้วยอ้างสิทธิตามใบหย่าไม่ให้พี่ชายมารับและเอาบุตรคนเล็กไปดูแลเหมือนปกติและเข้าทำการขับไล่พี่ชายให้ออกจากบ้านด้วยการอ้างสิทธตามใบหย่าอีก....และฝ่ายหญิงได้ทำการขึ้นฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว ***กล่าวอ้างสิทธตามใบหย่า
1...ให้พี่ชายออกจากบ้าน โทษทำผิดที่ยังอาศัยในบ้านอยู่ทำให้ตนได้รับความเดือดร้อน
2...แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าตนไปเช่าบ้านอยู่ตลอด2ปี(ทั้งๆที่ความจริงอาศัยอยู่กับสามีใหม่)ในบ้านพ่อแม่ของสามีใหม่....อ้างว่าต้องเสียค่าเช่าบ้านตลอด2ปีให้พี่ชายชดใช้เงิน50000บาท
3....ให้พี่ชายโอนรถมอไซตและรถเก๋งให้แก่บุตร(ทั้งๆที่ชื่อเจ้าของรถมอไซต์เป็นชื่อตนเอง...เนื่อง จาก อ่าง ธีมากร บึงสะแกงาม นารีรักษ์ บุตร ให้ บุตร ได้ รับ ความ เดือด ร้อน(ทั้งๆที่พี่ชายเลี้ยงบุตรทั้งสองมาตลอดเกือบ2ปีเพียงผู้เดียว)
4...เรียกร้องค่าเสียหายต่อความบอบช้ำทางจิตใจที่ต้องทรมานตลอดเวลา2ปีเรียกร้องเป็นเงิน50000บาท รวมแล้วทั้งสิ้นที่พี่ชายต้องจ่ายคือ100000บาทโดยมีดอกเบี้ย7.50บาทต่อปีตลอดการใช้หนี้จนจบการชดใช้ดังกล่าว
ฝ่ายหญิงฟ้องต่อศาลโดย(ข้อมูลอ้างตนเป็นพยาน...และการณ์ที่ให้ทั้งหมดเป็นเท็จ...ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย...การเลี้ยงดูบุตร(เพิกเฉยต่อการเลี้ยงดูบุตรเพราะไปมีสามีใหม่)...ภาระหนี้สินตามใบหย่าระบุจะรับผิดชอบชดใช้แต่ไม่เคยไปชำระ(พี่ชายกลัวเสียเครดิตตัวเองเพราะใช้ชื่อตัวเองตอนไปเดินเรื่องจึงไปจ่ายเงินเองมาตลอด2ปี).....ฝ่ายหญิงไปทำงานแม่บ้านแต่กล่าวอ้างต่อศาลว่าได้รับความเดือดร้อนทำให้ไม่มีรถไปซื้อของมาขาย(การณ์เป็นเท็จ)
โดยคำฟ้องศาลของฝ่ายหญิงมีผลให้ขึ้นศาลในเดือนตุลาคม2560....
*************************
ในช่วงที่ฝ่ายหญิงมาอ้างเอาบุตรไปฝ่ายพี่ชายเสียใจที่ถูกกีดกันไม่ให้ไปรับบุตรมาดูแลจึงให้พี่ชายทำคำร้องขึ้นต่อศาลก่อนหน้าดังกล่าวโดยมีพยานจากแวดล้อมและผู้อำนวยการของโรงเรียนบุตรคนเล็กและพยานจากที่ทำงาน(สองที่เนื่องด้วยพี่ชายทำงานตั้งแต่5:00น.-13:30น.และ17:00-21:00น.อีกที่หนึ่งเพื่อนำรายได้ดังกล่าวมาใช้จ่ายและดูแลบุตรในครอบครัว(พี่ชายจะเอาบุตรคนเล็กไปเลี้ยงดูที่ทำงานทั้งสองที่ด้วยตลอด2ปีที่ผ่านมา)
****โดยพี่ชายได้ทำการยื่นฟ้องขอดูแลบุตรร่วมเพียงอย่างเดียว
ตอนนี้รอขึ้นศาลกลางเดือนนี้
.....จึงอยากทราบ....ฝ่ายอดีตพี่สะใภ้....มาเอาหลานชายไปใช้เป็นเครื่องมือ(เพราะตั้งแต่ออกจากบ้านไป2ปีทั้งๆที่อาศัยบ้านพ่อแม่สามีใหม่ไม่เคยมาใส่ใจดูแลบุตรเลยทำไมมาอ้างเอาบุตรไปตอนนี้)หรือเพียงเพื่อให้ตนได้เข้าอยู่ในบ้านกับสามีใหม่จนต้องมากล่าวอ้าง....สิทธิตามใบหย่า****...เพื่อ ขับ ไล่ พม่า ออก จาก บ้าน และ ต้อง ชด ใช้ เงิน ด้วย นี้****ถือเป็นความผิดหรือไม่ที่ให้การณ์เป็นเท็จทั้งหมดเพราะฝ่ายพี่สะใภ้ไม่สามารถหาพยานให้ตนเองได้นอกจากการเอาบุตรคนเล็กไปอยู่ด้วยเพื่อตีเนียนว่าตนเองดูแลบุตรจริงๆ