คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจเกี่ยวกับเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516
ทนายคลายทุกข์ขอนำคำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้ ป.พ.พ. มาตรา 1516 เป็นเหตุฟ้องหย่านั้น ทนายคลายทุกข์ได้นำคำพิพากษาโดยย่อมานำเสนอเพื่อให้สอดคล้องกับเหตุหย่า ซึ่งคำพิพากษาฎีกาที่สำคัญมีดังต่อไปนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1450/2521
ภริยาแยกไปอยู่บ้านเดิมได้ 25 ปี สามีมิได้ส่งเสียเลี้ยงดู เหตุที่แยกไปเพราะสามีบีบบังคับ เป็นการที่สามีจงใจทิ้งร้างภริยา และไม่เลี้ยงดูภริยา ภริยาหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2143/2523
โจทก์จำเลยเคยทำหนังสือยินยอมหย่ากันตั้งแต่อยู่ในต่างประเทศ แสดงว่าโจทก์จำเลยผิดใจกันรุนแรงขั้นแตกหัก จำเลยเดินทางกลับประเทศไทยมาอยู่ที่บ้านบิดามารดาโจทก์ได้ประมาณ 3 เดือน ก็แยกจากโจทก์ไปอยู่ที่อื่นตลอดมา โดยไม่มีพฤติการณ์ว่าจำเลยมีความประสงค์จะกลับมามีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับโจทก์แต่ประการใด จำเลยคงมุ่งหวังจะได้เงินจำนวนมากจากโจทก์เมื่อมีการหย่ากันอย่างเดียว ส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยได้ว่าการที่จำเลยแยกออกจากโจทก์ไปอยู่ที่อื่นก็เพราะประสงค์จะอยู่กินเป็นภริยาโจทก์เป็นข้อสำคัญ ถือได้ว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ เมื่อเป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปี โจทก์ย่อมฟ้องขอหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5747/2531
จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ทำให้จำเลยถูกบัตรสนเท่ห์ จึงทำร้ายโจทก์แล้วออกจากบ้านไปอยู่กับภริยาเก่า โดยไม่กลับมาอยู่กับโจทก์อีกเลย แม้ปรากฏว่าจำเลยเคยช่วยออกค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าโทรศัพท์ในบ้านโจทก์ แต่เมื่อพบกันก็ไม่พูดกัน ดังนี้ ถือว่าจำเลยจงใจทิ้งร้างโจทก์ เมื่อเป็นระยะเวลาเกินกว่าหนึ่งปีก็เป็นเหตุฟ้องหย่าได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2535
การที่โจทก์อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาและทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา จำเลยไม่สามารถทนอยู่กินกับโจทก์ได้ จึงแยกไปอยู่ที่อื่นนั้น มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ แต่กรณีที่โจทก์อุการะเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยาและทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา จำเลยมีสิทธิฟ้องหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2536
จำเลยเคยขอให้โจทก์หาที่พักต่างหากจากที่อาศัยอยู่กับเพื่อนในค่ายทหารที่จังหวัดนครพนม แต่โจทก์ไม่ดำเนินการ ฉะนั้น การที่จำเลยยังคงทำงานและพักอาศัยอยู่กรุงเทพมหานครจึงเป็นเพราะโจทก์ไม่ขวนขวายหาที่พักอันเหมาะสมเพื่อโจทก์จำเลยจะได้อยู่ร่วมกัน ส่อเจตนาว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยไปอยู่ร่วมกันมากกว่า กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3411/2537
โจทก์จำเลยสมรสกันโดยประสงค์ไปอยู่กินฉันสามีภริยากันยังภูมิลำเนาของโจทก์ที่ประเทศเยอรมันตะวันตก แต่เมื่อจำเลยเดินทางถึงประเทศเยอรมันตะวันตกแล้ว จำเลยเปลี่ยนความตั้งใจไม่สมัครใจอยู่กินกับโจทก์อีกต่อไป และทำบันทึกขอหย่ากับโจทก์ในวันที่ 6 ธันวาคม 2527 แล้วเดินทางกลับประเทศไทยโดยไม่ติดต่อกับโจทก์อีกเลยจนกระทั่งโจทก์เดินทางมาพบจำเลยและขอหย่าในปี 2532 การกระทำของจำเลยดังกล่าวถือเป็นการจงใจละทิ้งร้างโจทก์และการละทิ้งร้ายเป็นเวลานานเกิน 1 ปี โจทก์ย่อมฟ้องหย่าจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(4)