โครงการบ้าน มิตรภาพ สปส.- ธอส.
เพื่อที่อยู่อาศัยของผู้ประกันตน
ทนายคลายทุกข์ขอนำข่าวความร่วมมือระหว่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
และสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้จัดทำสินเชื่อโครงการบ้าน
มิตรภาพ สปส.-ธอส.
เพื่อที่อยู่อาศัยของผู้ประกันตน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกันตนสามารถจัดซื้อ/จัดหาที่อยู่อาศัย
เป็นของตนเองได้สะดวกขึ้น
และเพื่อลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้และเงินงวดผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินต่าง
ๆ ธนาคารอาคารสงเคราะห์จึงขอประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการให้กู้เงินของโครงการ
ดังนี้
หลักเกณฑ์การให้กู้เงิน
1. คุณสมบัติของผู้กู้
เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.
ประกันสังคม พ.ศ. 2533 ที่เป็นผู้ประกันตนมาแล้ว 1 ปี และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.
ประกันสังคม พ.ศ. 2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
2. วัตถุประสงค์การขอกู้
2.1
เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด*
2.2 เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร*
2.3 เพื่อต่อเติม หรือขาย หรือซ่อมแซมอาคาร*
2.4 เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดจากสถาบันการเงินอื่น*
2.5 เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับ
ธอส.
เฉพาะบัญชีที่กู้ตามวัตถุประสงค์ข้อ 2.1-2.3 (ยกเว้นกรณีบัญชีที่มีอยู่กับธนาคารใช้สิทธิตามโครงการบ้าน สปส. –
ธอส. เดิม
ไม่สามารถใช้สิทธิตาม โครงการนี้ เพื่อลดดอกเบี้ยในบัญชีดังกล่าวได้)
3. วงเงินให้กู้
3.1 กรณีหน่วยงานต้นสังกัดของผู้กู้หักเงินเดือนผู้กู้นำส่งชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคาร
3.1.1
ตามเกณฑ์รายได้ ตามระเบียบปกติของธนาคาร โดยเงินงวดผ่อนชำระรายเดือนต้องไม่เกิน
ร้อยละ 80 ของเงินเดือนสุทธิ
3.1.2
ตามเกณฑ์หลักประกัน
- ที่ดินและอาคาร
ไม่เกินร้อยละ 90 ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย
- อาคารพาณิชย์
ให้กู้ไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย
- ห้องชุด
- กรณีราคาประเมินหลักประกันต่ำกว่า
1 ล้านบาท/หน่วย ไม่เกินร้อยละ 80
ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย
- กรณีราคาประเมินหลักประกัน
ตั้งแต่ 1 ล้านบาท/หน่วย ไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย
3.2
กรณีผู้กู้ส่งชำระหนี้เงินกู้ด้วยตนเอง
3.2.1
ตามเกณฑ์รายได้ ตามระเบียบปกติสำหรับลูกค้ารายย่อยของธนาคาร
(โดยเงินงวดผ่อนชำระรายเดือนต้องไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้สุทธิต่อเดือน)
3.2.2
ตามเกณฑ์หลักประกัน
- ที่ดินและอาคาร
ไม่เกินร้อยละ 85 ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย
- อาคารพาณิชย์
ให้กู้ไม่เกินร้อยละ 75 ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย
- ห้องชุด
- กรณีราคาประเมินหลักประกันต่ำกว่า
1 ล้านบาท/หน่วย ไม่เกินร้อยละ 70
ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย
- กรณีราคาประเมินหลักประกัน
ตั้งแต่ 1 ล้านบาท/หน่วย ไม่เกินร้อยละ 80 ของ ราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย
4. ระยะเวลาการกู้
ไม่เกิน
30 ปี และอายุผู้กู้ (ผู้มีคุณสมบัติตามโครงการ) รวมกับจำนวนปีที่ขอกู้ต้องไม่เกิน
70 ปี
5.
หลักประกันในการขอกู้เงิน
เป็นโฉนดที่ดิน
หรือ น.ส.3ก. หรือ หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด
6. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เป็น 2 ประเภท ดังนี้
6.1 กรณีหน่วยงานต้นสังกัดของผู้กู้หักเงินเดือนผู้กู้นำส่งชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคาร
(ตามข้อ 3.1) คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3
ปี แรก = 4.50
% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราลอยตัว = MRR – 1.00 % ต่อปี
6.2 กรณีผู้กู้ส่งชำระหนี้เงินกู้ด้วยตนเอง (ตามข้อ 3.2) คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่
3 ปี แรก = 4.50 % ต่อปี
หลังจากนั้นคิดอัตราลอยตัว = MRR-0.50% ต่อปี
7. การคำนวณเงินงวด
คำนวณโดยใช้อัตราดอกเบี้ยตามข้อ
6. บวกร้อยละ 1.00 ต่อปี
8. การชำระหนี้เงินกู้
8.1
กรณีหน่วยงานต้นสังกัดของผู้กู้หักเงินเดือนผู้กู้นำส่งชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคาร
(ตามข้อ 3.1)
8.1.1
เมื่อผู้กู้ทำนิติกรรมกับธนาคารแล้ว
ให้ผู้กู้นำส่งหนังสือขอให้หักเงินเดือนหรือค่าจ้างพร้อมกับ แบบฟอร์ม
การส่งเงินชำระหนี้เงินกู้ให้กับหน่วยงานต้นสังกัด (ผู้กู้จะได้รับในวันเซ็นสัญญา
กู้เงินกับธนาคาร)
8.1.2
หน่วยงานต้นสังกัดของผู้กู้จะต้องดำเนินการหักเงินเดือนหรือค่าจ้างของผู้กู้ส่งชำระหนี้ให้
ธนาคารทุกเดือน จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น และในการส่งชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคาร
หน่วยงาน ต้นสังกัดจะต้องแสดง รายละเอียด ชื่อผู้กู้ เลขที่บัญชีเงินกู้
และจำนวนเงินงวด ที่ผ่อนชำระของผู้กู้แต่ละรายให้ธนาคารทราบ (ตามแบบฟอร์มการส่งชำระหนี้เงินกู้)
8.1.3
กรณีหน่วยงานต้นสังกัดยังไม่หักเงินเดือนหรือค่าจ้างของผู้กู้ส่งชำระหนี้ให้ธนาคาร
ขอให้ผู้กู้ส่งเงินงวด ชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคารโดยตรงไปก่อน
จนกว่าหน่วยงานต้นสังกัด จะทำการหักเงินเดือน หรือค่าจ้างส่งชำระหนี้ให้ธนาคาร
8.2
กรณีผู้กู้ส่งชำระหนี้เงินกู้ด้วยตนเอง (ตามข้อ 3.2)
8.2.1
ชำระด้วยตนเอง ณ สำนักงาน / เคาน์เตอร์การเงินของธนาคารทุกแห่ง หรือ
8.2.2
ชำระโดยการหักบัญชีเงินฝากธนาคารต่าง ๆ
โดยผู้กู้นำสมุดเงินฝากที่ต้องการให้หักบัญชี (พร้อมสำเนาสมุด)
มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารในวันยื่นกู้ หรือ นัดทำสัญญากู้เงินหรือ แจ้ง ความประสงค์ได้ที่
ส่วนบัญชีเงินกู้ สำนักงานใหญ่ หรือ สาขาที่ยื่นกู้ หรือ
8.2.3 ชำระผ่านเคาน์เตอร์ตัวแทนต่าง ๆ ได้แก่ ที่ทำการไปรษณีย์, ธนาคารนครหลวงไทย, ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์, ศูนย์บริการ ทีโอที, ร้านเทเลวิซและสำนักงานบริการ
AIS, เคาน์เตอร์เซอร์วิส (โดยผู้กู้นำ
แบบฟอร์มชำระหนี้เงินกู้ที่มีบาร์โค้ด หรือ ใช้บัตรชำระหนี้เงินกู้ ไปยื่นชำระ)
8.3 ในการชำระหนี้เงินกู้งวดแรก
ผู้กู้จะต้องชำระเงินงวดพร้อมกับค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย
8.4 ชำระหนี้ปิดบัญชีก่อน 3
ปีนับจากวันทำสัญญากู้เงินครั้งแรก ธนาคารจะคิดค่าเบี้ยปรับร้อยละ 2 ของวงเงินกู้ตามสัญญา หรือ ตามประกาศธนาคาร
9. การพิจารณาให้กู้เงินและเงื่อนไขอื่น
ๆ
รวมถึงกรณีผิดนัดชำระหนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ
และระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อของธนาคาร
10. การหมดสิทธิการกู้เงินตามโครงการ
ธนาคารจะยกเลิกการใช้สิทธิ
และเปลี่ยนดอกเบี้ยเงินกู้เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลอยตัวสำหรับลูกค้าทั่วไปของ
ธนาคาร ในกรณีดังนี้
10.1 กรณีผู้กู้มีหนี้ค้างเมื่อครบกำหนดชำระแล้ว (DPD) เกิน
90 วัน* หรือ ตามระเบียบวิธีปฏิบัติของธนาคาร
10.2 สำนักงานประกันสังคมแจ้งยกเลิกการใช้สิทธิ
*ธนาคารสงวนสิทธิ ในการเปลี่ยนแปลง การนับจำนวนวันได้ตามความเหมาะสม
โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า*
11. กำหนดระยะเวลายื่นคำขอกู้เงิน
ติดต่อยื่นคำขอกู้เงินได้ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2551 สิ้นสุดวันที่ 1 ธันวาคม 2554
หรือ สิ้นสุดเมื่อธนาคารอนุมัติ สินเชื่อเต็มวงเงินของโครงการ
(แล้วแต่ว่าอย่างหนึ่งอย่างใดถึงก่อน)
12. ระยะเวลาสิ้นสุดในการทำนิติกรรม
ผู้ที่ยื่นคำขอกู้เงินภายในกำหนดตามข้อ 11. จะต้องทำนิติกรรม
กับธนาคารให้เสร็จสิ้นก่อนวงเงินของโครงการจะหมดลง หรือ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2554 (แล้วแต่ว่าอย่างหนึ่งอย่างใดถึงก่อน)
13. สถานที่ติดต่อยื่นคำขอกู้เงิน
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักพระราม 9 สำนักงานใหญ่
หรือสำนักงานสาขากรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือสำนักงานสาขาภูมิภาคทุกแห่ง
14. หลักฐานการขอกู้เงิน
14.1
หลักฐานการรับรองเงินเดือน
14.1.1
กรณีหน่วยงานต้นสังกัดของผู้กู้หักเงินเดือนผู้กู้นำส่งชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคาร
(ตามข้อ 3.1)ให้ผู้กู้ยื่นเอกสาร 2 ฉบับ (แบบของหนังสือให้ใช้ตามที่ธนาคารกำหนด
สามารถ down load ได้จาก website ของธนาคาร
www.ghb.co.th หรือ website
ของ สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th
หรือ สำนักงานสาขาของธนาคารทุกแห่ง) ดังนี้
- หนังสือรับรองและยินยอมให้หักเงินเดือนนำส่งชำระหนี้เงินกู้
(ผู้กู้ติดต่อหน่วยงานต้นสังกัด
เพื่อขอให้ออกหนังสือนี้ให้กับผู้กู้)
- หนังสือแสดงความยินยอมให้หักเงินเดือนส่งชำระหนี้เงินกู้
(ให้ผู้กู้ทำขึ้น 2 ฉบับ
ฉบับแรกใช้ยื่นขอกู้เงินกับธนาคาร สำหรับอีก 1 ฉบับให้หน่วยงานต้นสังกัดเก็บไว้เป็นหลักฐาน)
14.1.2
กรณีผู้กู้ส่งชำระหนี้เงินกู้ด้วยตนเอง (ตามข้อ 3.2) ให้ผู้กู้ขอหนังสือรับรองเงินเดือนจากหน่วยงานต้นสังกัด (ใช้หนังสือรับรองเงินเดือนทั่วไป ตามแบบของหน่วยงานต้นสังกัด)
และนำมาใช้ยื่นขอกู้เงินกับธนาคาร
14.2 สลิปเงินเดือน
หรือใบแจ้งรายการเงินเดือนจากหน่วยงานต้นสังกัด และหลักฐานแสดงฐานะ ทางการเงิน
อื่น ๆ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคารต่าง ๆ (กรณีมีผู้กู้ร่วมขอหนังสือรับรองเงินเดือน
ของผู้กู้ร่วมด้วย)
14.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน / บัตรประกันสังคม (ใบเปลี่ยนชื่อ/สกุล (ถ้ามี))
14.4 สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า
14.5 สำเนาทะเบียนสมรส / หย่า / มรณะบัตร แล้วแต่กรณี
14.6 สำเนาโฉนดที่ดิน หรือน.ส.3ก. หรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อช.2) ทุกหน้า
14.7
กรณีซื้อห้องชุด ที่ดินพร้อมอาคาร
ที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร ให้แสดงสำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญามัดจำ
14.8
กรณีปลูกสร้างอาคาร
ให้แสดงสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร / คำขออนุญาต / แบบก่อสร้างอาคาร
14.9
กรณีไถ่ถอนจำนอง ให้แสดงสำเนาสัญญากู้
สัญญาจำนอง Statement/ใบเสร็จการผ่อนชำระ ย้อนหลัง 12 เดือน
และหลักฐานแสดงการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพร้อมที่ดินที่นำมาเป็นหลักประกัน
ได้แก่ สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน (ฉบับสำนักงานที่ดิน) หรือใบแจ้งเลขหมาย
ประจำบ้าน หรือใบอนุญาต
ก่อสร้างอาคาร
* ลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
ในเอกสารข้อ 14.3-14.9
* กรณีมีผู้กู้มากกว่า 1 คน
ผู้กู้ร่วมทุกคนจะต้องนำเอกสาร ตามข้อ 14.1-14.5
มาแสดงต่อธนาคารด้วย
* ในกรณีจำเป็น ธนาคารอาจขอหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อประกอบการ
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซค์ธนาคารอาคารสงเคราะห์