ข่าวทนาย - รอบรู้เรื่อง "ประกันภัย"
ทุก
ๆ ปี
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.) จะมีการปรับระเบียบเงื่อนไขเกี่ยวกับการทำประกันประเภทต่าง
ๆ
ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ซึ่งในส่วนกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจในปีนี้
คปภ.ได้ปรับเงื่อนไขกรมธรรม์ใหม่เพื่อช่วยเพิ่มความคุ้มครอง
และดูแลผู้เอาประกันภัยมากขึ้น
ซึ่งมีหลายประเด็นน่ารู้
ที่ผู้ทำประกันภัยรถยนต์ไม่ควรมองข้ามเพื่อรักษาสิทธิการ
คุ้มครองให้ได้ประโยชน์สูงสุด
เงื่อนไขแรกที่ประกาศใช้มีผลตั้งแต่
1 ม.ค. 2552 คือ
การนำหลัก
แคช บีฟอร์
คัฟเวอร์
ตามหลักเกณฑ์สากลที่ปฏิบัติกันทั่วโลกมาใช้กับการประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท
คือ ต่อไปกรมธรรม์จะมีผลบังคับใช้ทันที
เมื่อผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ยประกันภัยแล้ว
โดยเกณฑ์ใหม่นี้เมื่อผู้เอาประกันภัยแจ้งทำประกันภัยและบริษัทตอบตกลงแล้ว
บริษัทต้องออกเอกสารหลักฐานการชำระเงินให้ทันที
ซึ่งผู้เอาประกันภัยสามารถนำหลักฐานนี้
ยืนยันการรับประกันภัยตามที่ตกลงไว้ได้
แต่มีข้อแม้ว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องชำระเบี้ยประกันให้ครบจำนวนในครั้งเดียว
ไม่สามารถแบ่งจ่ายเป็นงวด
ๆ ได้
ข้อดีของ
แคช บีฟอร์
คัฟเวอร์
จะช่วยเพิ่มความเป็นธรรมแก่ผู้เอาประกันภัยมาก
ขึ้น เพราะที่ผ่านมาการทำประกันภัยมักมีช่องโหว่
เช่น
เมื่อแจ้งทำประกันภัยทางโทรศัพท์
บริษัทตอบตกลงรับประกันภัยแต่ผู้ประกันยังไม่ได้รับเอกสารเป็นหลักฐานในการทำประกัน
เมื่อรถไปประสบอุบัติเหตุก่อน
ก็ไม่ สามารถเรียกร้องความคุ้มครองจากการประกันได้ทันที
อาจต้องมีข้อพิพาทระหว่างผู้เอาประกันภัย
กับบริษัทประกันภัย
และเสียเวลาพิสูจน์หลักฐานให้ตรงกับข้อเท็จจริง
หรือกรณีตัวแทนขายบางราย
ไม่ส่งค่าชำระประกันแก่บริษัททันที
ซึ่งระหว่างนั้นเกิดแจ๊กพอตโดนชนขึ้นมา
ก็ต้องเสียเวลาเจรจาไกล่เกลี่ยกันอีกนาน
ประเด็นต่อมาที่คปภ.ปรับเพื่อเพิ่มความคุ้มครองให้ผู้เอาประกันภัยมากขึ้น
คือ กำหนดให้บริษัทชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกที่ประสบภัยถึงขั้นทุพพลภาพถาวร
จำนวนไม่น้อยกว่า
100,000 บาทต่อคนหรือมากกว่านั้นเพิ่มจากเดิมที่ไม่มีการกำหนดวงเงินขั้นต่ำเลย
เพราะในอดีตผู้ได้รับอุบัติเหตุจนพิการบางรายได้รับค่าชดเชยมากน้อยไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการเจรจาและจิตสำนึกของบริษัท
ดังนั้นคปภ.จึงปรับเงื่อนไขใหม่ให้มีมาตรฐานการคุ้มครองมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามนับจากนี้ไปเมื่อเกิดอุบัติเหตุจนทำให้เกิดทุพพลภาพถาวร
หากผู้เอาประกันทำประกันภาคสมัครใจไว้
จะได้รับเงินค่าเสียหายขั้นต่ำเพิ่มเป็น
200,000 บาททันที
แยกเป็นรับจากการเอาประกันภัยเงื่อนไขใหม่ไม่ต่ำกว่า
100,000 บาท และจากพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์อีก
100,000 บาท
อีกประเด็นที่สำคัญที่ได้ปรับใหม่
คือ การคิด “ค่าเสียหายส่วนแรก”
ที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเองต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยเสียหาย
หรือเรียกว่า
ค่าแอคเซส
ที่เดิมผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก
2,000 บาท กรณีรถยนต์เสียหายจากการชนและไม่สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีได้
แต่หลังจากแก้ไขใหม่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก
1,000 บาท ของความเสียหายอันมิได้เกิดจากการชนหรือคว่ำ
หรือกรณีที่เกิดจากการชนแต่ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถแจ้งให้ทราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้
ขยายความให้เข้าใจง่ายขึ้น
คือ
จะมีการคิดค่าแอคเซสในการเกิดอุบัติเหตุเป็น
2 กรณี โดยเงื่อนไขใหม่หากรถเกิดอุบัติเหตุด้วยการชนและพลิกคว่ำแบบไม่มีคู่กรณี
ผู้เอาประกันจะจ่ายค่าแอคเซสลดลงจาก
2,000 บาท
เหลือ 1,000 บาทเท่านั้น
แต่หากเป็นกรณีที่ไม่ได้เกิดจากการชนหรือคว่ำ
เช่น ขับขี่รถไม่ระมัดระวังไปขูดกับต้นไม้
ถอยชนรั้ว
จอดรถในที่มืดจนถูกมือดี
ขูด กรีดถลอกรอบคัน
ผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายค่าแอคเซสด้วย
1,000 บาท จากเดิมที่ไม่ต้องจ่ายเลย
ในทางกลับกัน
กรณีที่เกิดอุบัติเหตุโดยสุดวิสัย
เช่น
ถูกชนแล้วหนี
ได้รับประโยชน์เสียค่า
แอคเซสลดลงครึ่งหนึ่งทันที
เงื่อนไขใหม่เหล่านี้
ทางคปภ.หวังว่าจะช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์ระมัดระวังการขับขี่ยิ่งขึ้น
เพราะผลสำรวจที่ผ่านมาพบว่า
รถที่มีประกันภัยเกิดอุบัติเหตุมากกว่ารถที่ไม่ได้ทำประกันหลายเท่าตัว
อีกทั้งช่วงนี้ค่าซ่อม
ค่าทำสีรถยนต์แพงขึ้นเท่าตัว
จากเดิมทำสีทั้งคันจ่ายขั้นต่ำ
15,000 บาท
เพิ่มเป็น 30,000 บาท
ข้อต่อมา
คือ การยกเลิกเงื่อนไขการให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยประวัติดีกลุ่มที่ทำประกันภัยรถยนต์
3 คันขึ้นไป
เปลี่ยนไปคิดให้ส่วนลดเบี้ยเป็นเดี่ยวหรือแยกเป็นคัน
ๆ แทน แต่ผู้ประกันภัยแบบกลุ่มยังคงได้รับส่วนลดการประกันภัยกลุ่ม
10% เหมือนเดิม
ทั้งนี้เพื่อให้การคิดส่วนลดเบี้ยประกันรถยนต์มีความรัดกุมและเป็นระบบยิ่งขึ้น
เพราะที่ผ่านมาการคิดค่าส่วนลดของประกันประวัติดีกลุ่ม
มีช่องโหว่ทำให้เข้าไปตรวจสอบได้ยาก
อย่างไรก็ตามการยกเลิกเงื่อนไขดังกล่าวจะไม่ทำให้ผู้ประกันได้รับประโยชน์ลดลง
เช่น
รถคันแรกขับมาหลายปีไม่เคยชนเลยได้รับส่วนลด
50% คันที่ 2 ใช้หลายปีเคยชนครั้งเดียวได้ส่วนลด
40% แต่คันที่
3 เคยชนหลายครั้งได้ส่วนลด
30% เมื่อนำเข้าประกันกลุ่มก็จะได้ส่วนลดพิเศษเพิ่มทุกคันอีก
10% หรือเมื่อถัวเฉลี่ยจะได้รับส่วนลดรวมถึง
50% และหากดูแลรถดีอาจได้รับส่วนลดสูงสุดถึง
60% ก็ได้
ส่วนเงื่อนไขอื่นที่คปภ.ได้ปรับปรุงและมีผลบังคับใช้ไปแล้ว
ได้แก่ การแก้ไขข้อกำหนดการคิดดอกเบี้ยผิดนัดกรณีบริษัทประกันภัยปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากเดิม
15% เหลือเป็น
7.5% เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้
รวมถึงการนำนิยามความเสียของรถยนต์เสียหายสิ้นเชิง
ให้หมายถึงรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจนไม่อาจซ่อมให้อยู่ในสภาพเดิมได้
หรือเสียหายไม่น้อยกว่า
70% ของมูลค่ารถยนต์ในขณะเกิดความเสียหาย
ขณะที่นาย
ขอขอบคุณ เนื้อหาข่าวประกอบจาก
เดลินิวส์