หลักเกณฑ์ในการปล่อยตัวชั่วคราวของศาล
วันนี้มีข่าวเสี่ยอู๊ดยื่นคำร้องต่อศาลขอประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาต
โดยอ้างว่าพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องที่ร้ายแรง เป็นการนำสถาบันกษัตริย์มาหากิน
โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของสถาบัน หวังแต่ผลประโยชน์จากการขายวัตถุมงคล โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของส่วนรวม
หลายท่านสงสัยว่า ศาลใช้หลักเกณฑ์อะไรในการไม่ให้ประกันตัวเสี่ยอู๊ด
และหลายคนสอบถามมายังทนายคลายทุกข์ว่า
ศาลมีหลักเกณฑ์อะไรในการที่จะปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ถูกดำเนินคดี
โดยหลักการของกฎหมายแล้ว จำเลยจะต้องได้รับการปล่อยตัวตามรัฐธรรมนูญตาม ป.วิอาญา
มาตรา 107 โดยศาลถ้าจะปล่อยตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย ป.วิอาญา มาตรา 108
ได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ดังนี้คือ
มาตรา 108 ในการวินิจฉัยคำร้องให้ปล่อยชั่วคราว
ให้พึงพิจารณา
ข้อเหล่านี้ประกอบ
(1) ความหนักเบาแห่งข้อหา
(2) พยานหลักฐานที่นำมาสืบแล้วมีเพียงใด
(3) พฤติการณ์ต่าง ๆ แห่งคดีเป็นอย่างไร
(4) เชื่อถือผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันได้เพียงใด
(5) ผู้ต้องหาหรือจำเลยน่าจะหลบหนีหรือไม่
(6) ภัยอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดจากการปล่อยชั่วคราว มีเพียงใดหรือไม่
(7) ในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยต้องขังตามหมายศาล ถ้ามีคำ
คัดค้านของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการหรือโจทก์แล้วแต่กรณี
ศาลพึงรับประกอบการวินิจฉัยได้
เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง
เจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจสั่งให้ปล่อยชั่วคราวหรือศาลอาจรับฟังข้อเท็จจริง
รายงานหรือความเห็นของเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับการนั้นเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคำร้องด้วยก็ได้
ในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
เจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจสั่งปล่อยชั่วคราว
หรือศาลจะกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับที่อยู่ของผู้ที่ถูกปล่อยชั่วคราว
หรือกำหนดเงื่อนไขอื่นใดให้ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวปฏิบัติเพื่อป้องกันการหลบหนีหรือเพื่อป้องกันภัยอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยชั่วคราวก็ได้
และการที่ศาลสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราวจะต้องมีเหตุอันควรเชื่อดังต่อไปนี้
มาตรา 108/1 การสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราว
จะกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้
1)
ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะหลบหนี
2)
ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
3)
ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น
4)
ผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันไม่น่าเชื่อถือ
5)
การปล่อยชั่วคราวจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงานหรือการดำเนินคดีในศาล
คำสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราวต้องแสดงเหตุผล
และต้องแจ้งเหตุผลดังกล่าวให้ผู้ต้องหาหรือจำเลย
และผู้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวทราบเป็นหนังสือโดยเร็ว
ดังนั้นญาติผู้ต้องขังถ้าจะประกันตัวจะต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดีในการขอประกันตัวแต่ละครั้ง
บางครั้งอาจจะต้องยื่นประกอบการขอปล่อยตัวชั่วคราวด้วย เช่น ใบรับรองแพทย์
เกี่ยวกับสุขภาพของตัวเอง หรือแถลงเกี่ยวกับพยานหลักฐานว่า
ถูกจับโดยปราศจากพยานหลักฐานหรือถูกกลั่นแกล้ง และตัวเองมิได้เป็นผู้กระทำความผิด
เป็นต้น
รายงานข่าวจากเวปไซด์คมชัดลึก
เสี่ยอู๊ด"วืดประกันอัยการฟ้องตุ๋นเช่าพระสมเด็จดัง
"เสี่ยอู๊ด" วืดประกัน อัยการฟ้องตุ๋นเช่าพระสมเด็จเหนือหัว
แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง คนหลงเชื่อเสียหายนับพันล้าน ศาลระบุเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่ควรให้ประกัน
ก่อนส่งตัวเข้าเรือนจำ
เมื่อเวลา
10.00 น. วันที่ 20 มิถุนายน พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ
1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสิทธิกร
บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147 แขวงราชบพิธ เขตพระนคร กทม. และบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด โดยนายสิทธิกร ในฐานะกรรมการผู้จัดการ
เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้า
ใช้ข้อความหรืออ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม, ร่วมกันใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต
และเลียนเครื่องหมายราชการให้ปรากฏที่วัตถุหรือสินค้าใดๆ
คำฟ้องโจทก์บรรยายสรุปว่า
ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2550 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองได้หลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ
และปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง จำเลยทั้งสองร่วมกันจัดสร้างพระเครื่อง ?พระสมเด็จเหนือหัว? นับล้านองค์ พร้อมโฆษณาเพื่อจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ ให้ปรากฏแก่ประชาชนว่า
มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีโครงการสร้างอุโบสถ
?สองกษัตริย์? ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
9 ณ วัดโสดาประดิษฐาราม จ.ราชบุรี โดยมูลนิธิดังกล่าวได้จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว
ซึ่งสถาปนาหรือสร้างจากมวลสารดอกไม้พระราชทานและผ้าไตรพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพื่อจัดสร้างในคราวนี้เป็นการเฉพาะ สมเด็จเหนือหัวมีมวลสารอันเป็นมหามงคลชั้นสูง และเป็นพิธีสถาปนาพระสมเด็จเหนือหัวครั้งแรกของพสกนิกรชาวไทย
ทั้งนี้
จำเลยยังได้นำตราเครื่องหมายพระมหามงกุฎอันเป็นเครื่องหมายราชการของสำนักราชเลขาธิการ
สำนักพระราชวัง และเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน พิมพ์ประทับให้ปรากฏไว้ที่ด้านหลังขององค์พระสมเด็จเหนือหัวทุกองค์
เพื่อให้ประชาชนเช่าซื้อ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าพระสมเด็จเหนือหัวจัดสร้างขึ้นโดยมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และการจัดสร้างดังกล่าวได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือมีความเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์
เนื่องจากใช้คำว่า ?เหนือหัว? เป็นต้น
ทั้งที่ความจริงแล้ว
มูลนิธิไม่ได้เป็นผู้จัดสร้างหรืออนุญาตให้จัดสร้าง และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดสร้างเลย
อีกทั้งการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว รวมถึงการจัดสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ ก็ไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้พระราชทานดอกไม้เพื่อใช้เป็นมวลสารในการสร้างพระดังกล่าวแต่อย่างใด
จนทำให้ประชาชนร้องทุกข์ในคดีนี้ 926 คน หลงเช่าซื้อพระสมเด็จเหนือหัวรวมเป็นเงินจำนวน
4,039,818 บาท และมีประชาชนรายอื่นๆ
ที่ไม่ได้ร้องทุกข์หลงเช่าซื้อเป็นเงินอีก 167 ล้านบาท หากมีการจำหน่ายไปโดยตลอดจำเลยทั้งสองจะมีรายได้สูงถึง
1,600 ล้านบาท และหากมีการก่อสร้างอุโบสถสองกษัตริย์จะใช้เงินก่อสร้างเพียง
100 ล้านบาทเท่านั้น
การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ รวม 926 กรรม ต่อมาวันที่ 22 ธันวาคม 2550 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
(ดีเอสไอ) จับกุมจำเลยที่ 1 ตามหมายจับของศาลอาญา ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
การแอบอ้างและนำสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ เป็นการอาจเอื้อมมิบังควรอย่างยิ่ง
และจำเลยยังหาได้สำนึกถึงความผิดและยำเกรงไม่ จึงขอให้ศาลได้ลงโทษจำเลยทั้งสองสถานหนักด้วย
ศาลประทับรับฟ้องเป็นคดีดำที่
อ.2358/51 และได้สอบคำให้การจำเลย
ซึ่งแถลงให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และจัดเตรียมทนายความไว้แก้ต่างคดีแล้ว ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีวันที่
4 สิงหาคมนี้ เวลา 09.00 น. ต่อมาทนายความได้ยื่นคำร้อง
พร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน ยื่นขอประกันตัว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพฤติการณ์จำเลยเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่สมควรอนุญาตปล่อยชั่วคราว
ยกคำร้อง
หลังจากนั้นนายสิทธิกรถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
เนื่องจากทนายความไม่สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งขอปล่อยตัวชั่วคราวไปที่ศาลอุทธรณ์ได้
เนื่องจากวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดราชการ