น้ำท่วมอุโมงค์มีคนตายใครต้องรับผิด|น้ำท่วมอุโมงค์มีคนตายใครต้องรับผิด

น้ำท่วมอุโมงค์มีคนตายใครต้องรับผิด

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

น้ำท่วมอุโมงค์มีคนตายใครต้องรับผิด

  • Defalut Image

จากกรณีน้ำท่วมอุโมงค์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในช่วงฝนตกหนัก มีผู้อยู่อาศัยขับรถเข้าไป

บทความวันที่ 4 ต.ค. 2561, 11:42

มีผู้อ่านทั้งหมด 1524 ครั้ง


น้ำท่วมอุโมงค์มีคนตายใครต้องรับผิด
            จากกรณีน้ำท่วมอุโมงค์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในช่วงฝนตกหนัก มีผู้อยู่อาศัยขับรถเข้าไป โดยไม่ทราบว่าน้ำท่วมจนเป็นเหตุให้จมน้ำตาย พนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุได้แจ้งข้อหาประธานนิติบุคคล ผู้จัดการนิติบุคคล พนักงานรักษาความปลอดภัยและบุคคลอื่นอีกหลายราย เป็นผู้ต้องหาทางอาญา ในความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามปกติแล้วบุคคลใดจะต้องรับผิดเกี่ยวกับเรื่องความประมาท ความเสียหายหรือความตายต้องเป็นผลโดยตรงจากการประมาทของบุคคลนั้น ที่ไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควร หากใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้วก็ไม่ถือว่าประมาท คดีนี้จึงต้องดูกันต่อไปว่าศาลจะตัดสินอย่างไร ที่ผ่านมาเคยมีแนวคำพิพากษาของศาลเกี่ยวกับเรื่องการดูแล ถนนหนทางและท่อ จึงนำมาเทียบเคียงกับคดีนี้ 
คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาฎีกาที่ 5205/2550 

           วันเกิดเหตุฝนตกไม่มากและลมพัดไม่แรง การที่ต้นจามจุรีริมทางหลวงล้มทับผู้ตายขณะขับรถจักรยานยนต์ไปตามทางหลวงจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายมิใช่เกิดจากเหตุสุดวิสัย แต่เป็นเพราะความบกพร่องของกรมทางหลวงจำเลยที่ไม่โค่นหรือปล่อยปละละเลยไม่สั่งเจ้าหน้าที่ของจำเลยไปโค่นต้นจามจุรีที่มีสภาพผุกลวงเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น อันเป็นการกระทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาฎีกาที่ 1201/2522 
            เทศบาลจัดการขยายถนน ทำให้บ่อน้ำซึ่งขอบเป็นคอนกรีตเข้ามาอยู่ในตัวถนน เมื่อเปิดถนนที่ขยายให้รถสัญจรไปมาได้ ก็ยังมิได้ถมบ่อทำให้เรียบเป็นพื้นถนนธรรมดาและมิได้จัดให้มีเครื่องหมายและสัญญาณไฟติดตั้งให้เป็นที่สังเกตเห็นได้ในเวลาค่ำคืน รถยนต์ของโจทก์ขับมาชนบ่อนี้เข้าโดยไม่ใช่ความประมาทเลินเล่อของโจทก์ รถยนต์เสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บ ดังนี้ ต้องถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของเทศบาล ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
คำพิพากษาฎีกาที่ 761/2518
            เทศบาลจำเลยมีหน้าที่ซ่อมแซมถนน ไม่ทราบว่ามีทางเข้าเป็นหลุมขนาดใหญ่มา 2 ปี จึงไม่ซ่อม เป็นเหตุให้โจทก์เดินตกลงไป นับว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ฝ่ายเดียว เพราะมิใช่วิสัยของโจทก์ผู้สัญจรไปมาจะพึงคาดหมายได้ว่าตามทางสาธารณะนั้น จะมีหลุมบ่อขนาดใหญ่ที่ทำให้เกิดอันตราแก่คนขวางอยู่ได้ 
คำพิพากษาฎีกาที่ 3057/2530
            จำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำสัญญากับกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 รับจ้างปรับปรุงถนน การปรับปรุงถนนดังกล่าวจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ทำทางเบี่ยงไว้แต่มิได้ติดตั้งไฟสัญญาณให้มองเห็นในเวลากลางคืน ผู้ตายขับรถยนต์มาตามปกติถึงบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งมืดมากจึงชนเกาะกลางถนนถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยฝ่ายเดียว จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 จะอ้างว่าจำเลยที่ 2 ยังไม่ได้ส่งมอบงานหรืออ้างว่าเป็นผู้ว่าจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดในความเสียหายต่อบุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ มาตรา 428 ไม่ได้ เพราะตนมีหน้าที่จัดให้มีและบำรุงรักษาทางบก ทางน้ำ และทางระบายน้ำ ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 66(2)
คำพิพากษาฎีกาที่ 4229/2530
             การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทำการก่อสร้างทางได้ใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ปิดกั้นขวางถนนที่กำลังก่อสร้าง โดยไม่ติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างเพื่อให้ผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะในเวลากลางคืนมีโอกาสเห็นได้ในระยะอันสมควรเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถจะหยุดรถได้ทัน ทำให้ต้องหักรถหลบพุ่งขึ้นไปบนเกาะกลางถนน ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นเสียหาย จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ฐานละเมิด ส่วนกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมแซมก่อสร้าง บำรุงรักษาถนนที่เกิดเหตุย่อมมีหน้าที่ควบคุมและจัดให้มีเครื่องหมายหรือป้าย และสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้าง และปรับปรุงถนนที่เกิดเหตุ แม้จะได้กำหนดให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนให้ทำและปิดป้ายจราจร เครื่องหมายกั้นเพื่อความปลอดภัยแก่การจราจรแล้วก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ต้องคอยควบคุมดูแลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณจราจรขึ้นให้ถูกต้อง เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มิได้ติดตั้งให้ถูกต้อง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ขับรถด้วยความเร็วมิได้ใช้ความระมัดระวัง โจทก์จึงได้ชื่อว่ามีส่วนในความประมาทที่ก่อให้เกิดความเสียหายด้วยแต่จำเลยทั้งสองมีส่วนในความประมาทมากกว่า จึงให้จำเลยทั้งสองรับผิดชดใช้ค่าเสียหายสองในสามส่วนของค่าเสียหายทั้งหมด
คำพิพากษาฎีกาที่ 1975/2528
              กรมทางหลวงจำเลยที่ 2 มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมแซมก่อสร้าง บำรุงรักษา ถนนที่เกิดเหตุ ย่อมมีหน้าที่ควบคุมจัดให้ มีเครื่องหมายและสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้างซ่อมแซมถนน แม้จะจัดให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างดำเนินการก่อสร้างซ่อมแซม ก็ต้อง ควบคุมให้บริษัทรับเหมาติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณจราจรขึ้น ให้ถูกต้องถ้ามิได้ติดตั้งให้ถูกต้องแล้วเกิดความเสียหาย จำเลยที่ 2 ย่อม จะต้องรับผิดต่อผู้เสียหายด้วย
คำพิพากษาฎีกาที่ 769/2513
              จำเลยซึ่งเป็นเทศบาลมีหน้าที่ดูแลสะพานให้มีความมั่นคงแข็งแรง การที่จำเลยปล่อยปละละเลยให้สะพานผุพัง ราวสะพานเป็นช่องโหว่อยู่ก่อนผู้เสียหายตกลงไปไม่รีบซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยปลอดภัย นับว่าเป็นการประมาทเลินเล่อของจำเลยอันเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้เสียหายเมื่อพิเคราะห์ถึงการที่โจทก์ตกสะพานไป โดยไม่เดินอย่างคนธรรมดามัวแต่จับตาอยู่ดูการชกต่อยระหว่างเด็ก 2 คน เสียและเอาหลังพิงราวสะพานเอามือรูดไปจนถึงช่องโหว่จนตกไป เช่นนี้ เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความผิดของโจทก์อยู่ด้วย ถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะความผิดของโจทก์มีส่วนประกอบด้วย ค่าสินไหมทดแทนอันโจทก์ควรจะได้รับมากน้อยเพียงใด จึงต้องอาศัยพฤติการณ์แห่งกรณีดังกล่าวข้างต้นเป็นประมาณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223
             คดีนักธุรกิจขับรถเข้าไปในอุโมงค์และจมน้ำตายผู้เสียหายอาจมีส่วนผิด และผู้ที่รับผิดจะต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้น การแจ้งข้อหาจะต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบสิทธิของบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะรัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ 
 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก