ทนายดังเรียกเงินเพื่อให้อัยการมีความผิดฐานใด
ตามที่มีข่าวทนายดังตามคลิปเสียงเรียกรับเงินจากลูกความในคดียาเสพติด แต่โดยเรียกเงินไปจำนวน 500,000 บาท เพื่อที่จะไปเจรจากับอัยการเพื่อลดข้อหา จากเดิมมี 2 ข้อหา ข้อหาแรกมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ข้อหาที่สอง จำหน่ายยาเสพติด ซึ่งจะต้องถูกลงโทษ 2 กรรม แต่ไปแจ้งกับลูกความว่าเพื่อให้เหลือความผิดเพียงกรรมเดียว แต่ทำไม่สำเร็จ ลูกความจึงขอเงินคืนบางส่วน หากเป็นเรื่องจริงทนายดังมีความผิดฐานเป็นคนกลางเรียกสินบนตามปอ. มาตรา 143 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และจะต้องถูกลบชื่อออกจากการเป็นทนายความ เนื่องจากเป็นการประพฤติชั่วร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 44(5) , มาตรา 66 , มาตรา 67 , มาตรา 68 , มาตรา 70 และข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ.8 , ข้อ.10(3) , ข้อ.14
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2554
จำเลยเรียกและรับเงินจากผู้เสียหายทั้งสองเพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ โดยวิธีอันทุจริตผิดกฎหมาย เพื่อให้กระทำการในหน้าที่โดยการช่วยเหลือในทางคดีให้สั่งไม่ฟ้องคดีแก่บุคคลที่ถูกดำเนินคดีอาญา แม้พนักงานอัยการจะมิได้เป็นเจ้าของสำนวนในคดีนั้นและจำเลยยังมิได้ให้เงินก็ตาม ก็ถือว่าพนักงานอัยการนั้นเป็นเจ้าพนักงานที่จำเลยจะจูงใจให้กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณแก่บุคคลที่จำเลยจะให้ช่วยเหลือแล้ว การกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบแห่งความผิดตาม ป.อ. มาตรา 143 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4586/2531
การที่จำเลยเรียกและรับเงินจาก ท.กับพวก โดยอ้างว่าจะเอาไปให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อให้พิพากษายกฟ้องในคดีที่ ท.กับพวกเป็นจำเลย ดังนี้ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่จำเลยอ้างดังกล่าวย่อมหมายถึงผู้พิพากษาผู้มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในศาลอุทธรณ์ได้ตามกฎหมายแม้จะมิได้เป็นเจ้าของสำนวนหรือองค์คณะที่พิจารณาพิพากษาคดีนั้นก็ตาม ก็ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานที่จำเลยจะจูงใจให้กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ ท. กับพวกแล้วการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14171/2557
จำเลยเรียกเงินจาก น. กับ ส. โดยแอบอ้างว่าจะนำเงินไปให้พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนทำความเห็นไม่คัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราวของ น. โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นคุณแก่ น. ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญา แม้จำเลยจะยังไม่ได้รับเงินหรือนำเงินไปให้อัยการเจ้าของสำนวนตามที่จูงใจก็ตาม การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตาม ปอ.มาตรา 143