การหลอกให้ร่วมลงทุนในกิจการต่างๆ
การหลอกลวงให้ผู้อื่นมาร่วมลงทุนในกิจการต่างๆ โดยหลอกลวงว่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆ ทั้งที่ความจริงไม่มีกิจการตามที่ผู้นั้นหลอกลวง หรือกิจการนั้นไม่สามารถให้ผลตอบแทนจำนวนมากขนาดนั้นได้ และผู้นั้นได้รู้ข้อความจริงนั้นอยู่แล้ว ก็เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ผู้เสียหายสามารถรวบรวมหลักฐานการโฆษณาประชาสัมพันธ์นั้น และหลักฐานการชำระเงินหรือโอนเงินร่วมลงทุน เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้หลอกลวงได้เลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 135/2547
จำเลยกับพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้แจ้งโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ประกาศแพร่ข่าวชักชวนต่อประชาชนตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปว่า บริษัทดาต้า จำกัด ซึ่งจำเลยกับพวกได้ร่วมกันก่อตั้งมีความต้องการรับสมัครพนักงานหลายตำแหน่งเพื่อร่วมประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนในการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้ากับตลาดในประเทศญี่ปุ่นและประเทศฟิลิปปินส์โดยชักชวนให้ผู้สมัครงานหรือผู้สนใจลงทุนนำเงินมาลงทุนหรือหาลูกค้านำเงินมาลงทุนจะได้รับกำไรดี ซึ่งความจริงแล้วบริษัทดาต้า จำกัด ไม่ได้ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและไม่ได้เป็นตัวแทนซื้อขายสินค้ากับตลาดในประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศฟิลิปปินส์ดังที่จำเลยกับพวกร่วมกันกล่าวอ้างแต่อย่างใด เพียงแต่เจตนาทุจริตหลอกลวงให้ประชาชนมาร่วมลงทุนหรือมาสมัครงานเพื่อฉ้อโกงเงินเป็นเหตุให้นางสาวรวิวรรณ อำพันทอง ผู้เสียหายที่ 1 หลงเชื่อถูกหลอกลวงเงินไปจำนวน 960,000 บาท นายสุทธิชัย เอื้ออารีย์พิชิต ผู้เสียหายที่ 2 ถูกหลอกลวงเงินไปจำนวน 746,500 บาท นางสาวแก้วตา ลักษณะ ผู้เสียหายที่ 3 ถูกหลอกลวงไปเป็นเงิน 500,000 บาท นางสาววิจิตรา หรีดอุไร ผู้เสียหายที่ 4 ถูกหลอกลวงเงินไปจำนวน 920,000 บาท นางสาวศิริพร สุจริต ผู้เสียหายที่ 5 ถูกหลอกลวงเงินไปจำนวน 200,000 บาท นางสาวอังคณา สุเมธาคุณ ผู้เสียหายที่ 6 ถูกหลอกลวงเงินไปจำนวน 122,000 บาท และนางสาวนิภา ลี้ปิยะสกุลชัย ผู้เสียหายที่ 7 ถูกหลอกลวงเงินไปจำนวน 800,000 บาท รวมแล้วเป็นเงินที่ผู้เสียหายทั้งเจ็ดถูกหลอกลวงเงินไปทั้งสิ้น4,248,500 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343, 83, 91 ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 4,248,500 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งเจ็ด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6869/2541
จำเลยที่ 3 และที่ 4 กับพวก ได้หลอกลวงโจทก์ทั้งเก้าโดยอ้างว่าได้ร่วมกันประกอบกิจการโรงงานจัดส่งปอกระสาไปจำหน่ายต่างประเทศ ร่วมกันลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดิน และธุรกิจให้กู้ยืมเงินซึ่งให้ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือน ร้อยละ 5 ต่อ 15 วันร้อยละ 4 ต่อ 7 วัน ร้อยละ 3 ต่อ 5 วัน จำเลยที่ 3 และที่ 5 กับพวกต้องการกู้ยืมเงินจากโจทก์ทั้งเก้า และประชาชนทั่วไปเพื่อนำไปลงทุนขยายกิจการดังกล่าว โจทก์ทั้งเก้าหลงเชื่อจึงให้กู้ยืมเงินหลายครั้ง การกระทำ ของจำเลยทั้งห้าจึงเป็นการกระทำโดยทุจริต ร่วมกันหลอกลวง โจทก์ทั้งเก้าและประชาชน ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากโจทก์ทั้งเก้า เป็นความผิดฐานร่วม กันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343,83
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 91 เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดดังต่อไปนี้
(1) สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี
(2) ยี่สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี
(3) ห้าสิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา 342 อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
ปรึกษาข้อกฎหมายกับทีมทนายความ ทนายคลายทุกข์ โทร.02-9485700, 081-6161425