ถูกไฟแนนซ์ยึดรถ ไฟแนนซ์เรียกอะไรได้บ้าง ต้องอ่าน
ไฟแนนซ์ยึดรถโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ผู้เช่าซื้อไม่ได้โต้แย้งคัดค้าน แสดงว่าทั้งสองฝ่ายสมัครใจเลิกสัญญากันโดยปริยายตั้งแต่วันยึดรถ ผู้เช่าซื้อจึงไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายต่างๆ ที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อ เช่น ค่าขาดราคา, ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ, ค่าติดตามรถ ฎีกาที่ 12448/2557 ฎีกาที่ 5092/2555 แต่ต้องรับผิดค่าขาดประโยชน์ นับแต่วันที่ไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ฎีกาที่ 2904/2558 ฎีกาที่ 14971/2558 ตามมาตรา 391 วรรค 3 และอ้างอิงฎีกาที่ 6175/2550 และฎีกาที่ 3078/2559
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 391 เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม แต่ทั้งนี้จะให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่สิทธิของบุคคลภายนอกหาได้ไม่
ส่วนเงินอันจะต้องใช้คืนในกรณีดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น ท่านให้บวกดอกเบี้ยเข้าด้วย คิดตั้งแต่เวลาที่ได้รับไว้
ส่วนที่เป็นการงานอันได้กระทำให้และเป็นการยอมให้ใช้ทรัพย์นั้น การที่จะชดใช้คืน ท่านให้ทำได้ด้วยใช้เงินตามควรค่าแห่งการนั้น ๆ หรือถ้าในสัญญามีกำหนดว่าให้ใช้เงินตอบแทน ก็ให้ใช้ตามนั้น
การใช้สิทธิเลิกสัญญานั้นหากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่
คำพิพากษาฎีกาที่อ้างอิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12488/2557
สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เลิกกันโดยปริยายวันที่ 9 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อโดยจำเลยที่ 1 มิได้โต้แย้งมิใช่เป็นการเลิกสัญญาเพราะเหตุที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญา คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ส่วนการยอมให้ใช้ทรัพย์นั้นการชดใช้คืนย่อมทำได้ด้วย การใช้เงินตามควรแห่งการนั้นๆ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 391 วรรคหนึ่งและวรรคสาม จำเลยที่ 1 มีเพียงความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เป็นค่าใช้ทรัพย์หรือค่าขาดประโยชน์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ 1 ครอบครองใช้สอยรถยนต์ที่เช่าซื้อ โดยไม่ชำระค่าเช่าซื้อแก่โจทก์ ส่วนค่าเสียหายอื่นที่เป็นค่าขาดราคารถ ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระก่อนสัญญาเลิกกันและค่าติดตามยึดรถ โจทก์ไม่อาจเรียกร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5092/2555
แม้ผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดๆ กัน แต่ไม่ปรากฎหลักฐานเป็นหนังสือบอกเลิกสัญญา สัญญาเช่าซื้อจึงยังไม่เลิกกันเพราะเหตุที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดต่อกัน แต่การที่ผู้ให้เช่าซื้อไปยึกรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนมาโดยไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 1 ได้โต้แย้งคัดค้าน ฟังได้ว่าคู่สัญญาได้สมัครใจบอกเลิกสัญญากันโดยปริยาย คู่กรณีแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 วรรคหนึ่ง และการที่จำเลยที่ 1 ได้ใช้รถยนต์ที่เช่าซื้อก่อนเลิกสัญญาโดยไม่ได้ชำระค่าเช่าซื้อนั้น จำเลยที่ 1 ต้องใช้เงินเป็นค่าใช้ทรัพย์ให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อตามมาตรา 391 วรรคสามพร้อมดอกเบี้ย แต่จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าขาดราคา ซึ่งเป็นค่าเสียหายที่โจทก์อาจเรียกร้องได้ในกรณีที่มีการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2558
จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อ เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกัน แต่จำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อไม่ได้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์โดยยังครอบครองใช้ประโยชน์จากรถยนต์ที่เช่าซื้อตลอดมาตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ประจำงวดที่ 3 วันที่ 20 สิงหาคม 2546 ย่อมทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ได้ใช้ทรัพย์ของโจทก์มาตลอด ระยะเวลาที่จำเลยที่ 1 ครอบครองทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2546 เป็นต้นมาเพื่อชดเชย เป็นค่าเสียหายได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 391 วรรคสาม มิใช่เริ่มมีสิทธิเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ให้แก่โจทก์นับแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2546 จนถึงวันที่ติดตามยึดรถคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14971/2558
จำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์รวม 12 งวด จนกระทั่งวันที่ 28 ธันวาคม 2544 จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถบรรทุกที่เช่าซื้อทั้งสองคันให้แก่โจทก์ แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ครอบครองใช้ประโยชน์ในรถบรรทุกที่เช่าซื้อ โดยไม่ได้ให้ค่าตอบแทนแก่โจทก์ แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ครอบครองใช้ประโยชน์ในรถบรรทุกที่เช่าซื้อ โดยไม่ได้ให้ค่าตอบแทนแก่โจทก์นับแต่งวดที่ 13 จนถึงวันที่ 1 ส่งมอบรถบรรทุกที่เช่าซื้อคืนให้แก่โจทก์ ย่อมทำให้โจทก์เสียหายเนื่องจากไม่ได้ใช้รถบรรทุกดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงต้องชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์ให้แก่โจทก์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 391 วรรคสาม มิใช่ต้องรับผิดเฉพาะกรณีที่ผิดนัดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6175/2550
โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทต่อจำเลยที่ 1 เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถส่งมอบแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์และแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อ จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิเลิกสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์และเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 386, 387 และ 391 วรรคสี่ แต่จำเลยที่ 1 หาได้ใช้สิทธิดังกล่าวไม่ ยังคงครอบครองและใช้รถยนต์คันพิพาทต่อไป สัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทจึงยังไม่ระงับ แม้การที่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 5 เป็นต้นไป จะถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเช่าซื้อยังไม่ได้ แต่การที่โจทก์ได้เข้าครอบครองรถยนต์คันพิพาทเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2543 โดยจำเลยที่ 1 มิได้โต้แย้ง ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 สมัครใจเลิกสัญญาเช่าซื้อต่อกันตั้งแต่วันดังกล่าว แม้โจทก์ไม่อาจเรียกค่าเสียหายจากการที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการนำรถยนต์คันพิพาทออกให้บุคคลภายนอกเช่า โดยอ้างเหตุว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อก็ตาม แต่เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกันโจทก์ก็มีสิทธิเรียกค่าเสียหายอันเป็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 วรรคสาม จำเลยที่ 1 จึงต้องชำระค่าเสียหายอันเป็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์คันพิพาทให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3078/2559
สัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อความตอนใดในสัญญาระบุให้สัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกันทันทีเมื่อมีการผิดนัด ไม่ชำระค่าเช่าซื้อโดยไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ดังนั้น หากโจทก์ประสงค์จะบอกเลิกสัญญาจะต้องบอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระภายในเวลาอันสมควรเสียก่อนตาม ป.พ.พ.มาตรา 387 เมื่อโจทก์ยังไม่บอกเลิกสัญญา สัญญาเช่าซื้อจึงยังไม่เลิกกัน แต่การที่โจทก์ติดตามยึดรถที่เช่าซื้อคืนมาได้โดยจำเลยที่ 1 ไม่โต้แย้งคัดค้านการยึดรถที่เช่าซื้อคืนแสดงว่าจำเลยที่ 1 ยินยอมให้โจทก์ยึดรถที่เช่าซื้อคืน ถือว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 สมัครใจเลิกสัญญากันโดยปริยาย ซึ่งเป็นการเลิกสัญญาโดยเหตุอื่น โจทก์ไม่มีสิทธิอ้างข้อตกลงในสัญญาเรียกค่าเช่าซื้อค้างชำระ แต่การที่จำเลยที่ 1 ครอบครองใช้ประโยชน์รถที่เช่าซื้อโดยไม่ได้ให้ค่าตอบแทนแก่โจทก์ ย่อมทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 1 จำต้องรับผิดใช้ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 391 วรรคสาม
ปรึกษาข้อกฎหมายกับทีมทนายความ ทนายคลายทุกข์ โทร.02-9485700, 081-6161425