สัญญาเช่าซื้อ(ฉบับใหม่)ยังคิดดอกเบี้ยคงที่ได้
หลังจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้แก้ไขประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2561
ทนายคลายทุกข์ขอนำผลการเปลี่ยนแปลงในสัญญาเช่าซื้อฉบับเดิมกับสัญญาเช่าซื้อฉบับใหม่ ซึ่งจะบังคับใช้วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2561 มานำเสนอเปรียบเทียบเพื่อให้ทราบเป็นข้อๆ ดังนี้
1. เกี่ยวกับการชำระค่างวด ให้มีความชัดเจนขึ้น
ฉบับเดิม (บังคับใช้ตั้งแต่ 2555)
โดยปกติ ผู้ให้เช่าซื้อจะอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ต่อปี (Flat interest rate) เพื่อเป็นอัตราดอกเบี้ยผ่อนชำระ ต่อเดือนในการสื่อสารกับลูกค้า (แต่ผู้ให้เช่าซื้อจะใช้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective interest rate) ในการบันทึกบัญชีและการเสียภาษีอากร)
ฉบับใหม่ (บังคับใช้ตั้งแต่ 2561)
กำหนดให้มีตารางแนบท้ายสัญญาในครั้งแรกเพื่อแสดงรายละเอียด เกี่ยวกับการผ่อนชำระในแต่ละงวดตลอดอายุสัญญาเพื่อให้ลูกค้า เช่น ค่าเช่าซื้อในแต่ละงวด ดอกเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละงวด ซึ่งคิดจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี จำนวนเงินค่าเช่าซื้อคงค้างและส่วนดอกเบี้ยเช่าซื้อ 50% หากชำระเงินกู้ ทั้งหมดในคราวเดียว
2. การคิดอัตราดอกเบี้ย เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่างวด
ฉบับเดิม (บังคับใช้ตั้งแต่ 2555)
ผู้ให้เช่าซื้อสามารถคิดเบี้ยปรับได้ไม่เกิน MRR+10% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง คืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าชั้นดีรายย่อย (Minimum Retail Rate : MRR) ของธนาคารกรุงไทย
ฉบับใหม่ (บังคับใช้ตั้งแต่ 2561)
ผู้ให้เช่าซื้อสามารถคิดดอกเบี้ยได้เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง +3% ต่อปีแต่ไม่เกิน 15 % ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงคือ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง)
3. การนำค่างวดมาตัดเป็นค่าใช้จ่ายต้องแจ้งให้ผู้เช่าซื้อทราบ
ฉบับเดิม (บังคับใช้ตั้งแต่ 2555)
ผู้ให้เช่าซื้อสามารถตัดเงินค่างวดที่ผู้เช่าซื้อนำมาชำระค่าใช้จ่ายที่ผู้ให้เช่าซื้อได้ชำระไปล่วงหน้าแทนผู้เช่าซื้อได้ เช่น ค่าธรรมเนียมโดยต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าซื้อทราบด้วย
ฉบับใหม่ (บังคับใช้ตั้งแต่ 2561)
ผู้ให้เช่าซื้อสามารถตัดเงินค่างวดที่เช่าซื้อ นำมาชำระค่าใช้จ่ายที่ผู้ให้เช่าซื้อได้ชำระไปล่วงหน้าแทนผู้เช่าซื้อ เช่น ค่าธรรมเนียมโดยต้องทำเป็นหนังสือแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าภายใน 7 วัน หากไม่มีหนังสือดังกล่าวจะไม่สามารถนำเงินค่างวดมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้
4. การให้สิทธิผู้ค้ำประกันซื้อรถคืนภายหลังผู้เช่าซื้อสละสิทธิ์
ฉบับเดิม (บังับใช้ตั้งแต่ 2555)
ก่อนนำรถขายให้แก่บุคคลอื่น : ผู้ให้เช่าซื้อต้องแจ้งล่วงหน้าให้ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกัน(ถ้ามี) ทราบเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 7 วัน เพื่อให้ลูกค้าใช้สิทธิซื้อได้ตามมูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ
ฉบับใหม่ (บังคับใช้ตั้งแต่ 2561)
ก่อนนำรถขายให้แก่บุคคลอื่น : ผู้ให้เช่าซื้อต้องแจ้งล่วงหน้าให้ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกัน (ถ้ามี) ทราบเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 7 วัน เพื่อให้ลูกค้าใช้สิทธิซื้อได้ตามมูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ ถ้าลูกค้าไม่ใช้สิทธิ ผู้ให้เช่าซื้อต้องมีหนังสือแจ้งผู้ค้ำประกันทราบเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน
5. การแจ้งผู้เช่าซื้อเกี่ยวกับการประมูลรถยนต์
ฉบับเดิม (บังคับใช้ตั้งแต่ 2555)
หลังการประมูล : ผู้ให้เช่าซื้อต้องทำหนังสือแจ้งให้ลูกค้าทรายภายใน 15 วัน นับแต่วันทำการขาย
ฉบับใหม่ (บังคับใช้ตั้งแต่ 2561)
- ก่อนทำการประมูล : ผู้ให้เช่าซื้อต้องมีหนังสือแจ้งให้ลูกค้าและผู้ค้ำประกันทราบ
ล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันประมูลหรือขายทอดตลาด ทั้งนี้ ในหนังสือแจ้งนั้นอย่างน้อยต้องระบุชื่อ ผู้ทำการขาย วัน และสถานที่ทำการขายแต่ละครั้งไว้ในหนังสือฉบับเดียวกันก็ได้
- หลังการประมูล : ผู้ให้เช่าซื้อต้องทำหนังสือแจ้งให้ลูกค้าทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทำการขาย
6. ค่าโอนทะเบียนรถยนต์ครั้งแรก
ฉบับเดิม (บังคับใช้ตั้งแต่ 2555)
ผู้ให้เช่าซื้อสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการสำหรับโอนทะเบียนรถยนต์ภายหลังการผ่อนครบชำระ
ฉบับใหม่ (บังคับใช้ตั้งแต่ 2561)
ผู้ให้เช่าซื้อจะต้องเป็นคนออกค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถครั้งแรกภายหลังการผ่อนครบชำระ และสามารถเรียกเก็บได้เฉพาะค่าธรรมเนียมที่หน่วยงานภาครัฐเรียกเก็บ ซึ่งถ้าการโอนไม่สำเร็จภายใน 30 วัน ต้องเสียค่าเบี้ยปรับให้ลูกค้า
7. การส่งหนังสือแจ้งทางอิเล็กทรอนิกส์
ฉบับเดิม (บังคับใช้ตั้งแต่ 2555)
ผู้ให้เช่าซื้อสามารถส่งหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าซื้อทราบเป็น “หนังสือ”
ฉบับใหม่ (บังคับใช้ตั้งแต่ 2561)
ผู้ให้เช่าซื้อสามารถส่งหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าซื้อทราบทาง “อิเล็กทรอนิกส์” ได้ ถ้าลูกค้ายินยอม
8. คำเตือนสำหรับผู้ค้ำประกัน
ฉบับเดิม (บังคับใช้ตั้งแต่ 2555)
มีคำเตือนสำหรับผู้ค้ำประกันแนบท้ายสัญญา
ฉบับใหม่ (บังคับใช้ตั้งแต่ 2561)
มีคำเตือนสำหรับผู้ค้ำประกันแนบท้ายสัญญาเพื่อให้เข้าใจตรงกันเกี่ยวกับภาระผูกพันอันเกิดจากการค้ำประกันซึ่งคุ้มครองผู้ค้ำประกันมากขึ้น
ขอขอบคุณที่มา จากฝ่ายวิจัยธนาคารกรุงศรีอยุธยา (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)