กล่าวหาตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ
กรณีนายเอ็มกล่าวหาตำรวจฝ่ายสืบสวนของสถานีตำรวจนครบาลสายไหม ซ้อมเพื่อให้รับสารภาพคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายตามที่เป็นข่าว ผมอยากให้ความเห็นทางกฎหมายออกเป็น 2 ด้าน
กรณีแรก ข่าวลือเรื่องการซ้อมผู้ต้องหานั้น มีอยู่จริง และเคยเป็นคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาแล้ว ตำรวจก็ถูกลงโทษไปแล้วก็มีแต่ต้องมีพยานหลักฐานชัดเจนเช่นประจักษ์พยานหรือร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งจะต้องมีใบรับรองแพทย์ประกอบจึงจะรับฟังได้น่าเชื่อถือ
กรณีที่สอง เป็นกรณีที่ผู้ต้องหาใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทำร้ายร่างกายเพื่อใช้เป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลว่าตัวเองถูกบังคับให้รับสารภาพ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้กระทำความผิดทางอาญาและตำรวจก็ไม่มีพยานหลักฐานพิสูจน์ความผิดได้จึงต้องใช้วิธีการซ้อมเพื่อให้ได้คำรับสารภาพมาพิสูจน์ความผิดของจำเลย ซึ่งกรณีนี้ หากจำเลยไปให้การในชั้นศาลและไม่เป็นความจริงจำเลยก็จะมีความผิดฐานเบิกความเท็จ ในคดีอาญาและความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่มีกฎหมายคุ้มครอง กฎหมายคุ้มครองในฐานะผู้ต้องหาที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนเท่านั้น ไม่ต้องหาจะโกหกอย่างไรก็ได้เพราะกฎหมายคุ้มครองถ้าให้การต่อพนักงานสอบสวนในฐานะผู้ต้องหา
ส่วนการที่ผู้ต้องหาหรือญาติผู้ต้องหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยการโพสต์ทาง Facebook หากเป็นความเท็จก็จะต้องรับผิดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์มาตรา 14 ต่อไปรวมทั้งอาจจะมีความผิดฐาน ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา 136 อีกข้อหาหนึ่งเพราะความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานดูหมิ่นลับหลังก็ได้ไม่จำเป็นต้องดูหมิ่นซึ่งหน้าเหมือนกับเอกชนกับเอกชนดูหมิ่นกัน สอบถามข้อกฎหมาย 081 616 1425 หรือ 02 948 5700