รีวิวสินค้าทางออนไลน์ ดาราน่าจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย
ข่าวดังช่วงนี้เกี่ยวกับเศรษฐกิจยุค 4.0 ส่วนใหญ่การค้าขายหรือให้บริการอยู่บนออนไลน์ตามนโยบายของลุงตู่ การทำธุรกิจไม่ต้องใช้ทุนมาก เพียงแต่สร้างภาพบนเฟสบุ๊ค จ้างดารานักร้อง เน็ตไอดอล มารีวิวสินค้าหรือเชียร์แขก บางคนก็อ้างว่าเคยทดสอบสินค้าแล้วใช้งานได้ดี ทั้งที่ความจริงแล้วเพียงแต่รับจ้างมาโฆษณาชวนเชื่อเพราะสินค้าพวกอาหารเสริมและเครื่องสำอางส่วนใหญ่โนเนม ประชาชนไม่เคยรู้จักแบรนด์เนมเหล่านั้นมาก่อน แต่การที่ผู้บริโภคหลงเชื่อก็หลงเชื่อดารานักร้องคนดังที่มาชักชวนให้มาซื้อสินค้าหรือบริการ หลายคนหลงเชื่อเข้ามาซื้อสินค้าถูกหลอกเงิน เสร็จแล้วยังไม่พอยังหลอกให้มาเป็นตัวแทน โดยก่อนจะเป็นตัวแทนก็จะมีวิทยากรมาหลอกลวงเพิ่มเติมว่าเป็นตัวแทนแล้วรวย โดยมีหลักสูตรสอนให้รวย วิธีการสอนก็คือให้โกหกว่าสินค้าของเราดี ปัง ใช้งานแล้วได้ผล ต้องคิดบวก ต้องคิดว่าต้องขายได้ และให้ตัวแทนพยายามหลอกลวงทุกอย่างเพื่อให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ ทุกคนที่เสียเงินไปแล้วก็ต้องทำเหมือนกันต่อกันเป็นทอดๆ เป็นแชร์ลูกโซ่ การโฆษณาดังกล่าวก็เป็นการโฆษณาเกินจริง สร้างยอดแชร์ยอดไลค์อันเป็นเท็จ เครื่องหมายการค้าก็ผิดประเภท อาหารเสริมก็ไม่ได้คุณภาพ ปลอม อย. ขบวนการเหล่านี้จะมีทักษะในการพูดและการหลอกลวง อาจจะเรียกว่าสะกดจิตหมู่ก็น่าจะได้ พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนและมีความผิดฐานฟอกเงิน และยังมีกฎหมายอื่นๆอีกหลายฉบับ
ผู้บริโภคที่หลงเชื่อกลุ่มแชร์ลูกโซ่ หลงเชื่อดารานักร้องหรือเน็ตไอดอลคนดังในการแนะนำสินค้าเพราะเชื่อคำพูดของดารานักร้องซึ่งเป็นบุคคลมีชื่อเสียง บุคคลเหล่านี้คือผู้ร่วมกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จะอ้างว่ารับจ้างเชียร์สินค้าโดยไม่รู้ว่าไม่มี อย. หรือไม่รู้ว่าเป็นการหลอกลวงประชาชนนั้นคงฟังไม่ขึ้น เพราะตัวเองต้องสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดสินค้าให้ละเอียด การที่ดารานักร้องรีวิวสินค้า จึงถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ควรที่พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหา และส่งฟ้องศาลให้เป็นแบบอย่าง เพราะมิฉะนั้นแล้วดาราที่มีชื่อเสียง เห็นแก่เงิน โดยขาดสำนึกต่อสาธารณะยังคงมีอยู่ทุกวันในสังคมออนไลน์ อย่าปล่อยให้บุคคลเหล่านี้ลอยนวลทำเป็นแกล้งโง่ว่าหนูไม่รู้ว่าเขาโกงเหมือนที่ผ่านมารับจ้างเชียร์เบียร์โพสทางเฟสบุ๊ค ก็อ้างว่าขาดเจตนาทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในแง่กฎหมายไม่น่าจะฟังขึ้นนะครับ เพราะกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาของการกระทำผิด
ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา 342 อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
มาตรา 14 (1) ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
มาตรา 5 ผู้ใด
(1) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ
(2) กระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
(3) ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
มาตรา 60 ผู้ใดกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เน็ตไอดอลหรือดารานักร้องที่รับจ้างรีวิวสินค้าหรือบริการ ควรจะมีสำนึกสาธารณะมากกว่าเงิน