คิดดอกเบี้ยเกินอัตราต้องเอาดอกเบี้ยไปชำระต้นเงินก่อน
ศาลฎีกาตัดสินกลับหลักเดิมเกี่ยวกับการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
1.เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ข้อตกลงดอกเบี้ยเป็นโมฆะ
2.ถือไม่ได้ว่าเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจ
3.ดังนั้น เงินที่ลูกหนี้ชำระให้กับเจ้าหนี้เงินกู้ต้องเอาไปหักกับต้นเงิน ทั้งหมดก่อน
4.จะนำไปหักดอกเบี้ยไม่ได้ เพราะเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิได้ดอกเบี้ยก่อนผิดนัด เนื่องจากข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยเป็นโมฆะ
5.ส่งผลให้ผู้ค้ำประกันรับผิดน้อยลง เพราะหนี้ระงับ ตามปพพ.มาตรา 698 และผู้จำนองซึ่งไม่ใช่ลูกหนี้และประกันหนี้อันบุคคลต้องชำระ (บุคคลที่สาม) ความรับผิดก็น้อยลงเพราะหนี้ประธานลดลงตามมาตรา 744 (1)
6.เจ้าหนี้อาจถูกดำเนินคดีข้อหาเบิกความเท็จในข้อสำคัญในคดี มาตรา 177 วรรคแรก มีโทษจำคุก 5 ปี
อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2131/2560
ป.พ.พ. มาตรา 407, 654
พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3
โจทก์คิดดอกเบี้ยจากจำเลยร้อยละ 1.3 ต่อเดือน หรืออัตราร้อยละ 15.6 ต่อปี ซึ่งเป็นการคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 ประกอบ ป.พ.พ. มาตรา 654 มีผลให้ดอกเบี้ยดังกล่าวตกเป็นโมฆะ กรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยชำระหนี้โดยจงใจฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือเป็นการกระทำอันใดตามอำเภอใจเสมือนหนึ่งว่าเพื่อชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันตามกฎหมายที่ต้องชำระ อันจะเป็นเหตุให้จำเลยไม่มีสิทธิได้รับทรัพย์นั้นคืนตาม ป.พ.พ. มาตรา 407 เมื่อดอกเบี้ยของโจทก์เป็นโมฆะ เท่ากับสัญญากู้ยืมมิได้มีการตกลงเรื่องดอกเบี้ยกันไว้ โจทก์ไม่มีสิทธิได้ดอกเบี้ยก่อนผิดนัด และไม่อาจนำเงินที่จำเลยชำระแก่โจทก์มาแล้วไปหักออกจากดอกเบี้ยที่โจทก์ไม่มีสิทธิคิดได้ จึงต้องนำเงินที่จำเลยชำระหนี้ไปชำระต้นเงินทั้งหมด