แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน| แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน

 แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

 แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน

  • Defalut Image

คดีจบโทอ้างเรียนสูง แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน

บทความวันที่ 26 ธ.ค. 2560, 11:50

มีผู้อ่านทั้งหมด 1262 ครั้ง


 แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน

          คดีจบโทอ้างเรียนสูง แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน มีความผิดตามกฎหมาย ทนายคลายทุกข์เอามาฝากเป็นอุทาหรณ์ครับ  
           1.ฎีกาที่ 60/2502 การที่จำเลยเอากุญแจมืออย่างของตำรวจใส่และตรวจค้นผู้เสียหายเป็นการแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานแล้ว
           2. ฎีกาที่ 666/2508 จำเลยอ้างว่าตนเป็นตำรวจพร้อมเอาบัตรประจำตัวแลบกระเป๋าเสื้อแล้ว โดยตนเองไม่มีอำนาจหน้าที่ 
           3. ฎีกาที่ 382/2506  ขอค้นผู้เสียหายยอมให้ค้นเป็นการแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานแล้ว

คำพิพากษาฎีกาอ้างอิง
1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2502 

            การที่จำเลยเป็นคนเอากุญแจมืออย่างของตำรวจใส่เจ้าทรัพย์และพวกเจ้าทรัพย์ ทั้งได้กระทำการค้นถือว่าเป็นการแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานด้วย

2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2508
          จำเลยทั้งสองกับพวกเข้าล้อมผู้เสียหาย แล้วจำเลยที่ 1 บอกว่าอั๊วเป็นตำรวจพร้อมกับเอาบัตรประจำตัวแลบกระเป๋าเสื้อขอค้น ผู้เสียหายเชื่อจึงยอมให้ค้นจำเลยกับพวกค้นแล้วไม่ได้ของผิดกฎหมายจึงเอามีดออกขู่เอานาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายไป ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์ไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ดังนี้การแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจโดยมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปครบองค์ความผิดเป็นการเสร็จเด็ดขาดอยู่ในตัวไปตอนหนึ่งแล้วเมื่อไม่ได้ของผิดกฎหมายจำเลยที่ 1 กับพวกจึงเอามีดออกขู่ทำการปล้นทรัพย์เป็นการเริ่มกรรมใหม่อีกกรรมหนึ่งถือว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 สิทธินำคดีมาฟ้องยังไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2506
          ในกรณีที่จำเลยที่ 1,2 ถูกฟ้องร่วมกันมาเพื่อให้ใช้ค่าเสียหายนั้นถึงแม้จำเลยที่ 1 จะให้การรับว่าได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจริง   
         แต่เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันปฏิเสธว่าจำเลยที่ 1 มิได้ประมาทเช่นนี้ โจทก์ต้องนำสืบหักล้างให้ฟังได้ตามฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ประมาท ทั้งนี้เพราะคำให้การอันเป็นกระบวนพิจารณาที่จำเลยที่ 1 กระทำไปนั้นเป็นที่เสื่อมเสียแก่จำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก