ขายยาขาว โชว์รถหรู หลอกร่วมลงทุน
หลายท่านได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับบริษัทขายตรงแห่งหนึ่งที่มีผู้บริโภคมาร้องเรียนที่ สคบ. ว่ามีการโฆษณาที่เกินจริง, หลอกให้ไปกู้เงินมาร่วมเป็นเครือข่าย, บังคับให้ไปจำนำทรัพย์สินเพื่อร่วมเครือข่าย และบังคับให้ไปหลอกลวงพ่อแม่ให้ขอเงินมาร่วมกับเครือข่าย, มีการเน้นหาคนมาร่วมเป็นเครือข่ายเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินโดยไม่ได้เน้นขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ตนเองเป็นหลัก, มีการไปเช่ารถหรูหรือไปขอยืมรถคนอื่นมาจอดรวมกันไว้บริเวณลานจอดรถของบริษัท หลังจากนั้นก็ให้แม่ข่ายขายตรงไปยืนบริเวณหน้ารถหรือนั่งบนฝากระโปรงรถถ่ายรูปโดยมีแม่ข่ายอีกคนหนึ่งคอยพูดจาเดินเรื่องว่าการมาร่วมเครือข่ายง่ายนิดเดียว อายุน้อยร้อยล้านใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็สามารถมีรถหรูขี่ได้เหมือนกับพวกผม พฤติกรรมดังกล่าวหมิ่นเหม่ที่จะเข้าข่ายการหลอกลวงประชาชนและมีความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่รวมทั้งกฎหมายขายตรงเกี่ยวกับการหาเครือข่ายมากกว่าการขายสินค้า ทนายคลายทุกข์เห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเพราะทุกคนก็อยากจะรู้ว่าการขายตรงดังกล่าวทำได้หรือไม่ เป็นการขายตรงหรือเป็นการหลอกลวงประชาชนกันแน่ ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายตรงและการหลอกร่วมลงทุนปรากฏตามรายละเอียดข้างล่างนี้ครับ ลองศึกษากันดูนะครับ
พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527
มาตรา 4 ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ในการกู้ยืมเงินตนหรือบุคคลใดจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงินในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้ และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
มาตรา 5 ผู้ใดกระทำการ ดังต่อไปนี้
(ง) จัดให้มีบุคคลตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ไปชักชวนบุคคลต่าง ๆ เพื่อให้มีการให้กู้ยืมเงิน หรือ
มาตรา 12 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 4 หรือมาตรา 5 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545
มาตรา 19 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น
มาตรา 46 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 19 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 343
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา 342 อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงถ้าเห็นว่าสิ่งที่ทำไปมันผิดกฎหมายก็แน่วแน่แก้ไขในสิ่งที่ผิดก็จบครับ มิฉะนั้นอาจต้องถูกดำเนินคดี ที่ผ่านมาศาลจำคุกจำเลยแต่ละคนนับหมื่นปี ถ้าผิดจริงติดคุกหัวโตนะครับ