ผิดสัญญาทางแพ่งหรือฉ้อโกง|ผิดสัญญาทางแพ่งหรือฉ้อโกง

ผิดสัญญาทางแพ่งหรือฉ้อโกง

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ผิดสัญญาทางแพ่งหรือฉ้อโกง

  • Defalut Image

ปัจจุบันมีการดำเนินคดีฉ้อโกงในกรณีผิดสัญญาทางแพ่งหรือผิดสัญญาหมั้น

บทความวันที่ 14 ก.ย. 2560, 15:51

มีผู้อ่านทั้งหมด 7712 ครั้ง


ผิดสัญญาทางแพ่งหรือฉ้อโกง

                ปัจจุบันมีการดำเนินคดีฉ้อโกงในกรณีผิดสัญญาทางแพ่งหรือผิดสัญญาหมั้น หรือสัญญาสินสอด เช่น คดีน้องน้ำมนต์หลอกลวงชายโสดและชายไม่โสด แต่งงานแล้วไม่ยอมอยู่กินด้วย เสียเงินเสียทรัพย์สินไปจำนวนหลายราย ทำให้สังคมเกิดความสงสัยว่าคดีผิดสัญญาทางแพ่ง สามารถที่จะดำเนินคดีฉ้อโกงได้หรือไม่ ทนายคลายทุกข์ขออธิบายว่าการจะผิดฐานฉ้อโกง จะต้องเป็นกรณีให้คำมั่นสัญญาหรือให้คำรับรองไว้ตั้งแต่แรก โดยมีเจตนาฉ้อโกงตั้งแต่แรก การทำสัญญาเป็นเพียงวิธีการหรือกลอุบายเพื่อให้ได้ทรัพย์สินไปจากผู้อื่น แต่ถ้าเป็นเรื่องผิดสัญญาเนื่องจากรับปากว่าจะทำตามสัญญาแต่ทำแล้วแต่ทำไม่สำเร็จไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง เพราะไม่ได้เป็นการหลอกลวง เป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น ตัวอย่างคำพิพากษาของศาลฎีกาที่เคยตัดสินเกี่ยวกับคดีผิดสัญญาทางแพ่งหรือฉ้อโกงที่ผ่านมา มีดังต่อไปนี้

1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4379/2547

                จำเลยทั้งสองร่วมกับ จ. และ ว. เป็นหุ้นส่วนร่วมกันจัดสรรที่ดินพร้อมสร้างอาคารพาณิชย์และทาวน์เฮาส์ขายให้แก่ประชาชน โดยใช้ชื่อว่า โครงการหมู่บ้านศรีเมืองทองฯ แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้จดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล และไม่ได้ขออนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย ก็ไม่ใช่สาระสำคัญจะบ่งชี้ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาที่จะฉ้อโกงโจทก์ร่วมที่ 2 และที่ 5 และประชาชน การที่โจทก์ร่วมที่ 2 และที่ 5 เข้าจองซื้อที่ดินและบ้านของโครงการดังกล่าว ก็ได้รับการชักชวนจาก จ. ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของจำเลยทั้งสองและเป็นการชักชวนกันของโจทก์ร่วมทั้งแปด หาใช่เป็นเพราะเชื่อถือว่าโครงการดังกล่าวจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ทั้งจำเลยทั้งสองก็ได้ดำเนินการก่อสร้างทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์ไปแล้วบางส่วน และยังดำเนินการแบ่งแยกที่ดินจดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอม มีการจัดการสาธารณูปโภคเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมของโครงการ และได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์ให้แก่ผู้ซื้อบางส่วนแล้ว แม้ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่สามารถก่อสร้างทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ตามโครงการและโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ร่วมที่ 2 และที่ 5 ได้ครบตามสัญญาทุกรายก็เป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นจำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง

2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674 - 1675/2543

                การทำสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้จะขายหาจำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่จะขายในขณะที่ทำสัญญาไม่ เพียงแต่จะต้องขวนขวายหาทรัพย์นั้นมาโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้จะซื้อได้ตามกำหนดในสัญญาเท่านั้น

                ผู้เสียหายทราบตั้งแต่เมื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับจำเลยแล้วว่าที่ดินแปลงที่ทำสัญญากันยังเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่น จำเลยมิได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแต่กรณีพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างจำเลยกับเจ้าของกรรมสิทธิ์ ทำให้จำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้แก่ผู้เสียหายได้ จำเลยเพียงแต่ยังไม่มีเงินคืนให้ผู้เสียหายได้ตามที่เรียกร้องและผู้เสียหายไม่ยอมเปลี่ยนไปเอาที่ดินในโครงการอื่นของจำเลยตามที่จำเลยเสนอให้ การกระทำของจำเลยเป็นเพียงการผิดสัญญาทางแพ่ง หาใช่เป็นการหลอกลวงอันจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่ การที่จำเลยไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินและบ้าน ก็เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานจะดำเนินการแก่จำเลยเอง ไม่อาจนำมาเกี่ยวข้องในการวินิจฉัยความผิดฐานฉ้อโกงได้

3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3540/2533

                จำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญารับเหมาก่อสร้างชุมสายเคลื่อนที่กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย แม้โจทก์เป็นผู้ก่อสร้างชุมสายดังกล่าวจนเสร็จ แต่โจทก์ก็เป็นเพียงผู้รับงานก่อสร้างมาจากจำเลยที่ 1 อีกทอดหนึ่งเท่านั้น จำเลยที่ 1 อยู่ในฐานะคู่สัญญากับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยโดยตรง แม้จำเลยที่ 1 จะได้ทำหนังสือมอบให้โจทก์เป็นผู้ติดต่อและรับเงินค่าก่อสร้างจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย แล้วต่อมาจำเลยที่ 1 เพิกถอนใบมอบอำนาจที่ให้โจทก์เป็นผู้รับเงินค่าก่อสร้างจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และมอบอำนาจให้จำเลยที่ 4 รับเงินนั้นไปจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยแล้วก็ตาม ก็เป็นเพียงการไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ตกลงกันไว้เท่านั้น ส่วนที่โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าต่อมาโจทก์สืบทราบว่า จำเลยทั้งห้าได้สมคบกันโดยเจตนาทุจริตเป็นเรื่องที่บรรยายเพื่อให้ครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงไม่ทำให้คดีผิดสัญญาทางแพ่งกลับกลายเป็นคดีอาญา การกระทำของจำเลยทั้งห้าตามฟ้องโจทก์ไม่มีมูลเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง

4. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2533

                การที่จำเลยแนะนำโจทก์ร่วมว่า ในการขอกู้เงินจากธนาคารจะต้องเป็นลูกค้าของธนาคารโดยนำเงินไปฝากธนาคารไว้ก่อน เป็นคำแนะนำตามปกติธรรมดาทั่วไป เมื่อโจทก์ร่วมได้มอบเงินให้จำเลยไปดำเนินการ จำเลยก็ได้ติดต่อขอกู้เงินจากธนาคารให้โจทก์ร่วมแต่มีเหตุขัดข้องจึงกู้เงินไม่ได้ แม้จำเลยจะไม่ได้นำเงินที่โจทก์ร่วมมอบให้ไปฝากไว้กับธนาคารก็ตาม ก็หาใช่ข้อสาระสำคัญที่จะถือว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์ร่วมอันจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น

                การทำธุรกิจหรือการทำสัญญาควรรักษาคำมั่นสัญญา ไม่ควรคดโกงคนอื่น

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 3

ผมเป็นพนักงานของโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.พังงา

แถวเขาหลักครับ ที่ผ่านมา โรงแรมมีงานใหญ่สั่งประกาศให้ทุกคนทำงานเข้า08.00น. ถึง23.00น.

เป็นเวลา2วันครับและบังคับให้ทำทุกคน โดยจะจ่ายเป็นเงินคนละ350บาทต่อวันเราทำงานเกินทุกคนคนละ15 ชม.  เขาบอกว่าจะโอนเข้าบัญชีพร้อมเงินเดือนแต่พอเงินเดือนไม่มีเงินเพิ่มเลยแม้แต่คนเดียวฝ่ายบุคคลอ้างทำมั้ยไม่ทำเอกสารมา  เราถามว่าแล้วคำสั่งมาจากฝ่ายบุคคลน่ะ อย่างนี้โกงไม่จ่ายเรา นี้รอมาเข้าเดือนที่2  มันจะมีเงินเข้ามั้ย เราฟ้องได้มั้ยมีมากกว่า50คนขั้นต่ำถ้าฟ้องจะคุ้มมั้ย  แค่700 ครับแต่คนจำนวนมากโรงแรมใหญ่ครับ 364 ห้อง. ขอความเห็นด้วยครับ

ถ้าฟ้องเราเรียกได้มั้ยกี่เท่าตัวเอาสูงสุดครับ

โดยคุณ ทวีรัชต์ สมมุติไทยเจริญ 8 มิ.ย. 2561, 22:40

ตอบความคิดเห็นที่ 3

เมื่อนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างหรือเงินอื่นๆตามที่ตกลงกัน ตามกำหนดระยะเวลาก็ถือว่านายจ้างผิดนัดชำระหนี้ ลูกจ้างชอบที่จะฟ้องนายจ้างเป็นคดีต่อศาลแรงงานได้ หรือว่าจะไปร้องเรียนที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานก็ได้ครับซึ่งในส่วนหลังนี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ 

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ 16 ก.ค. 2561, 14:00

ความคิดเห็นที่ 2

ดิฉันกู้เงินจากเจ้าหนี้มาเจ้าหนี้ให้ทำสัญญากู้เงินกับซื้อขายไว้ค้ำการกู้ยืมแต่ถูกเจ้าหนี้ฟ่องฉ่อโกงทั้งสองสัญญาขึ้นศาลสืบพยานหลักฐานคดีต้องถูกจับและประกันตัวมาสู้คดีสืบพยานคดีแรกจนรอฟังคำพิพากษาศาลในวันเดียวกันกับอีกคดีรอการสืบพยานในวันนั้นศาลให้ฟังคำพิพากษาคดีแรกก่อนศาลพิพากษายกฟ้องเพราะพยานโจทย์ผู้ใหญ่บ้านพยานในเอกสารสองฉบับทั้งกู้และสัญาซื้อขายที่ทำค้ำตามเจ้าหนี้ให้ทำให้การว่าดิฉันกู้เงินมาไม่ได้ซื้อขายที่ตามที่โจทย์กล่าวแถมดอกเบี้ยร้อยล่ะ4บาทต่อเดือนเหมือนที่คำนวนชี้แจงศาลเท่ากับยอดในเอกสารการกู้และซื้อขายรวมดอกเบี้ยและเงินต้นศาลยกฟ้องแล้วสืบพยานอีกคดีจนสืบโจทย์แล้วพูดวกวนศาลเลยถามข้อเทจจริงโจทย์บอกว่าเป็นการซื้อขายแล้วศาลให้ตอบความจริงโจทย์บอกกูยืมเงินกันเลยเรียกให้ดิฉันไปเจรจาพูดนอกรอบต่อหน้าศาลให้ยอมความกันดิฉันไม่ยอมรับความคิดศาลเลยว่าให้ยอมความเพราะได้เอาเงินเขาไปจริงถึงจะกู้ก็ผิดเพราะเราไปกู้เงินเขามาจริงแถมต่อว่าว่าเราทำตัวไม่ดีทำให้เขาเดือดร้อนดิฉันเลยบอกว่าดิฉันไม่ได้้ขายที่เหมือนที่เขาฟ้องให้ต้องติดคุกแล้วประกันตัวมาเพื่อพิสูจน์ความจริงว่าดิฉันไม่ได้ฉ่อโกงแต่ต้องหาหลักฐานมาพิสุจน์ขอให้ศาลสืบพยานต่อค่ะ..พอศาลสืบต่อพยานโจทย์คนที่สองต่อเสร็จศาลก็เรียกไปคุยก่อนสืบพะยานของดิฉันให้ดิฉันครั้งที่2ดิฉันขอสืบต่ออีก..ศาลบอกให้ไปคิดก่อนให้เวลา10นาทีปรึกษาแฟนแฟนไม่รับสายดิฉันก็ยังยืนยันสืบต่อพอให้คำตอบศาลๆหงุดหงิดมากบอกให้เวลาอีกคุยกับแฟนแล้วค่อยมาให้คำตอบดิฉันยืนยันจะสืบพยานจนศาลบอกว่าศาลขั้นต้นถึงสืบได้ถ้าคดีพลิกไปก็อย่ามาหาว่าศาลไม่ให้โอกาสเพราะให้โอกาสไปคุยกันนอกรอบแล้วยืนยันจะสืบศาลก็จะสืบให้แต่ถ้าคดีพลิกมาดิฉันถึงกับติดคุกนะเพราะศาลสามารถตัดสินได้ตามวิจารณยานของศาลให้ทนายมาคุยกับดิฉันทนายของฉันมาคุยกับลูกความก่อนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสืบพยานต่อทนายบอกว่าให้ยอมศาลไปจะให้ดิฉันยอมทั้งสองคดีทั้งที่ตัดสินไปแล้วกับจะสืบต่อดิฉันบอกคดีที่ตัดสินแล้วจะให้รวมกับคดีนี้ดิฉันไม่ยอมทนาเลยขอร้องดิฉันให้ยอมเขาเหอะแค่คดีนี้คดีเดียวเพราะศาลได้ขอทนายแล้วแล้วทนายยังต้องหากินกับศาลทำงานที่นี่ขึ้นๆลงทุกวันทนายบอกว่าเราไม่เสียเปรียบหรอกเพราะแค่คดีเดียวบอกว่าให้เซ็นไม่คัดค้านการถอนฟ้องของเจ้าหนี้ให้ใช้หนี้เท่ากับจำนวนเงินที่กู้มาโดยไม่เอาดอกปีแรกดิฉันเลยยอมเพราะเชื่อทนายคิดว่าไม่เป็นไรทนายบอกศาลศาลเลยต่อว่าดิฉันบอกว่ายอมไปเหอะถือว่าเราทำบาปทำกรรมกับเขาไปเอาเงินเขามาเขาเดือดร้อนต้องการอยากได้เงินคืนคิดใจเขาใจเราที่ผ่านมาศาลบอดว่าเราบาปหนักไม่ดีถึงทำให้เราเดือดร้อนโดนจับและสามีตกหลังคาเหล็กเสียบแขนบาดเจ็บจนนอนโรงบาลแฟนเขาคิดมากเรื่องต้องช่วยกันหาเงินประกันตัวและค่าทนายออกมาสู้คดีเลยต้องทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อช่วยเหลือกันจนร่างกายเพลียฉันตอบแบบนั้นศาลท่านยังต่อว่าอีกว่าระวังจะโดนขอหย่าเพราะมีคดีเพิ่มให้ต้องหาเงินมาประกันตัวถ้าศาลตัดสินคดีนี้ดิฉันเลยยอมเซ็นให้และให้ถอนฟ้องโดนไม่ได้ดูละเอียดว่าต้องชำระเดือนล่ะ10,000เพราะตกลงกันบอกทางทนายว่าอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าเดือนล่ะ3พันจนครบสามแสนบาทปีแรก61ไม่คิดดอกเบี้ยแต่ถ้าเกินปี61ให้คิดร้อยล่ะ15%ถ้าผิดชำระให้ดำเนินคดีตามกฎหมายเซนให้เสร็จก็ขอให้ทนายเอาเอกสารที่เซนมาให้ดูหลังจากลงศาลทนายเอาเอกสารมาให้ดูแต่ในเอกสารบอกว่าให้ชำระเดือนไม่ต่ำกว่า10,000เลยเราบอกว่ามีค่าใช้จ่ายอื่นอีกรวมทั้งแฟนยังทำงานไม่ได้หนักเกินทำไงดีเซนไปแล้วทนายบอกว่าไม่เป็นไรแบบนี้เราถ้าเรามีเงินชำระไม่ถึง10,000เราจะถูกจับไหมคะ

โดยคุณ สวนของพ่อ เกษตรพอเพียง 9 ม.ค. 2561, 07:14

ตอบความคิดเห็นที่ 2

ตอนนี้ไปสอบถามคดีแรกพนักงานที่ศาลบอกว่าโจทย์ขอขยายเวลาของคดีแรกไปเป็นครั้งที่สองเพื่อจะอุทรอีกเราควรทำอย่างไรบ้างคะตอนนี้เงินก็ต้องชำระและหาเงินมาจ้างทนายอีกเงินก็ไม่พอชำระไม่ค่อยสบายด้วยเครียดด้วยนอนไม่หลับเลยค่ะหาทางออกไม่เจอเลยเบอรโทรกลับ  ดิฉันนะคะเผื่อใครมีความคิดเห็นช่วยเหลือได้ขอความกรุณาหน่อยนะคะทุกใจมากเลยค่ะ  0930428355 

โดยคุณ สวนของพ่อ เกษตรพอเพียง 9 ม.ค. 2561, 07:24

ความคิดเห็นที่ 1

สวัสดีครับ ผมเป็นพนักงานของร้านทองแห่งหนึ่งในพัทยาแต่มีหน้าที่ขับรถรับ-ส่งผ้าให้กับโรงแรมในเครือของนายจ้างซึ่งมีธุรกิจการโรงแรมด้วยและหลังจากส่งผ้าตามโรงแรมในเครือของนายจ้างเสร็จในแต่ละวันก็จะมีแคชเชียร์ของโรงแรมฝากเงินที่ลูกค้ามาใช้บริการผ่านทางผมเพื่อที่จะเอาไปให้แคชเชียร์ที่ร้านทองซึ่งผมได้รับการไหว้วานจากแคชเชียร์ร้านทองเพราะผมต้องขับรถส่งผ้ามาจอดที่ร้านทองอยู่แล้ว มีอยู่วันหนึ่งเงินจำนวนนั้นได้หายไปก่อนที่ผมขับก่อนที่จะนำไปส่งให้แคชเชียร์ร้านทองซึ่งเป็นผู้รวบรวมเงินส่วนนี้ ทางนายจ้างได้กล่าวหาผมว่าผมยักยอกเงินส่วนนี้ไปและให้ผมชดใช้ซึ่งผมไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาให้ทางนายจ้างจึงให้ตำรวจมาสอบถามผมที่ร้านทองและได้นำรถมอเตอร์ไซค์ที่ผมยังผ่อนชำระไม่หมดยึดไว้เป็นประกันรวมทั้งให้ผมออกจากงานโดยที่ไม่ได้เขียนใบลาออก แต่ผมมีเงินเดือนและเงินประกันการทำงานคงค้างอยู่ซึ่งนายจ้างก็บอกว่าจะไม่แตะต้องเงินส่วนนี้ แต่เมื่อวันที่ 22 พฤษจิกายน 2560 ที่ผ่านมา นายจ้างกลับยึดเงินส่วนนี้ไว้อีก ผมต้องทำยังไงดีครับตอนนี้ต้องตกงาน รถก็ไม่มีใช้ แถมแฟนเพิ่งคลอดลูกได้2เดือน ลำบากมากครับ รบกวนคุณทนายช่วยคลายทุกข์ให้ผมทีครับ

โดยคุณ อนุวัตร ประกอบธรรม 5 ม.ค. 2561, 02:43

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก