การคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี
การฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งของโจทก์ที่ถูกโต้แย้งสิทธิ กว่าจะมีคำพิพากษาต้องใช้เวลานานพอสมควรเป็นปีหรือหลายปี ในระหว่างการดำเนินคดีจำเลยอาจมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหลบหนี หรืออาจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย หากต้องรอจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ทำให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนเกินควร หากโจทก์เห็นว่ามีความจำเป็นต้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 ก็ได้กำหนดให้สิทธิโจทก์มีสิทธิยื่นคำขอต่อศาลในระหว่างการพิจารณาคดี ก่อนมีคำพิพากษา ไม่ว่าในศาลชั้นต้น หรือศาลอุทธรณ์ หรือศาลฎีกาได้ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนเกินควรในระหว่างการดำเนินคดี ซึ่งต้องใช้ระยะเวลามากเกินสมควร ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็วๆนี้ ผู้เสียหายทางการแพทย์ซึ่งเป็นสมาชิกไลฟ์พริวิเลจคลับ รวม 102 คน ได้ยื่นฟ้องโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในความผิดฐานผิดสัญญาการให้บริการการรักษาพยาบาลตลอดชีพต่อศาลแพ่ง แต่ผู้บริโภคมีความจำเป็นจะต้องขอรับการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลดังกล่าวต่อไป ตามข้อตกลงเดิมโดยไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเพิ่ม เพราะได้เคยจ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลไปแล้วในลักษณะรักษาฟรีตลอดชีพ แต่มาถูกโรงพยาบาลยกเลิกสัญญาในภายหลัง จึงได้รับความเสียหาย ต่อมาศาลได้มีการไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวโดยให้โจทก์ไปใช้บริการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในระหว่างพิจารณาคดี จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น แต่โจทก์ต้องทำสัญญาวางประกันไว้กับศาลเพื่อประกันความเสียหายหากในอนาคตศาลมีคำพิพากษาให้โรงพยาบาลซึ่งเป็นคู่สัญญาเลิกสัญญาได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งโจทก์ก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามปกติ เหมือนไม่เคยมีข้อตกลงรักษาบริการตลอดชีพ ตามสัญญาการเป็นสมาชิกไลฟ์พริวิเลจคลับ จากตัวอย่างดังกล่าวข้างต้นจึงเห็นได้ว่าการขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดีนั้น จะเป็นประโยชน์กับโจทก์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องเดือดร้อนเกินควรในระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งสิทธิในการขอคุ้มครองนั้น กฎหมายได้รับรองคุ้มครองไว้ท่านผู้อ่านลองนำไปใช้ดูนะครับ แต่การที่จะขอคุ้มครองชั่วคราวได้นั้นจะต้องมีเหตุตามที่กฎหมายกำหนดตามตัวบทกฎหมายข้างล่างนี้
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 254 ในคดีอื่น ๆ นอกจากคดีมโนสาเร่ โจทก์ชอบที่จะยื่นต่อศาลพร้อมกับคำฟ้องหรือในเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษา ซึ่งคำขอฝ่ายเดียว ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งภายในบังคับแห่งเงื่อนไขซึ่งจะกล่าวต่อไป เพื่อจัดให้มีวิธีคุ้มครองใด ๆ ดังต่อไปนี้
(1) ให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่พิพาทหรือทรัพย์สินของจำเลยทั้งหมดหรือบางส่วนไว้ก่อนพิพากษา รวมทั้งจำนวนเงินหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลย
(2) ให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไป ซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญาหรือการกระทำที่ถูกฟ้องร้อง หรือมีคำสั่งอื่นใดในอันที่จะบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายที่โจทก์อาจได้รับต่อไปเนื่องจากการกระทำของจำเลย
มาตรา 255 ในการพิจารณาอนุญาตตามคำขอที่ยื่นไว้ตามมาตรา 254 ต้องให้เป็นที่พอใจของศาลว่า คำฟ้องมีมูลและมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่ขอนั้นมาใช้ได้ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(1) ในกรณีที่ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งตามมาตรา 254 (1) ต้องให้เป็นที่พอใจของศาลว่า
(ก) จำเลยตั้งใจจะยักย้ายทรัพย์สินที่พิพาทหรือทรัพย์สินของตนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนไปให้พ้นจากอำนาจศาล หรือจะโอน ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวเพื่อประวิงหรือขัดขวางต่อการบังคับตามคำบังคับใด ๆ ซึ่งอาจจะออกบังคับเอาแก่จำเลยหรือเพื่อจะทำให้โจทก์เสียเปรียบ หรือ
(ข) มีเหตุจำเป็นอื่นใดตามที่ศาลจะพิเคราะห์เห็นเป็นการยุติธรรมและสมควร
(2) ในกรณีที่ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งตามมาตรา 254 (2) ต้องให้เป็นที่พอใจของศาลว่า
(ก) จำเลยตั้งใจจะกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิด การผิดสัญญา หรือการกระทำที่ถูกฟ้องร้อง
(ข) โจทก์จะได้รับความเดือดร้อนเสียหายต่อไปเนื่องจากการกระทำของจำเลย
(ค) ทรัพย์สินที่พิพาทหรือทรัพย์สินของจำเลยนั้นมีพฤติการณ์ว่าจะมีการกระทำให้เปลืองไปเปล่าหรือบุบสลายหรือโอนไปยังผู้อื่น หรือ
(ง) มีเหตุตาม (1) (ก) หรือ (ข)
การคุ้มครองชั่วคราวเป็นเรื่องสิทธิของโจทก์ จะขอคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ก็ได้ หากเห็นว่ามีความจำเป็นก็มีสิทธิขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาล ส่วนศาลจะอนุญาตให้คุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ก็เป็นดุลยพินิจของศาลครับ