การบังคับคดีกับลูกหนี้ตามกฎหมายใหม่
ปัจจุบันประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเกี่ยวกับการบังคับคดีได้มีการแก้ไขใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่มาตรา 271 ไปจนถึงมาตรา 367 เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์วิธีการในการบังคับคดีให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถนำกฎหมายดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการทวงหนี้ในการสืบทรัพย์และในการบังคับคดีได้เร็วขึ้น รวมทั้งกฎหมายยังให้อำนาจศาลในการที่จะเรียกลูกหนี้มาไต่สวนเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ที่หลบซ่อนไว้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้ในการที่จะนำทรัพย์สินที่หลบซ่อนมาชำระหนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดไว้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับทรัพย์สินที่นำมาชำระหนี้ได้ เช่น สินสมรส ทรัพย์สินในชื่อของบุคคลอื่น ตลอดจนถึงกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างที่ยังไม่อาจยึดทรัพย์ได้เพราะมีเหตุขัดข้องบางประการเพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหนี ท่านเจ้าหนี้ทั้งหลายควรจะได้ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการบังคับคดีฉบับใหม่นะครับมีประโยชน์ต่อเจ้าหนี้อย่างมาก ในวันนี้ทนายคลายทุกข์จะนำบทบัญญัติบางประการมานำเสนอให้ท่านผู้อ่านนำมาอ่านเป็นข้อคิดในการปรับปรุงวิธีการในการติดตามทวงถามหนี้ต่อไป
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 274 ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีหรือบุคคลที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให้ชําระหนี้ (ลูกหนี้ตามคําพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคําบังคับที่ออกตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีหรือบุคคลที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให้ได้รับชําระหนี้ (เจ้าหนี้ตามคําพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้มีการบังคับคดีโดยวิธียึดทรัพย์สิน อายัดสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นตามบทบัญญัติแห่งภาคนี้ภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคําพิพากษาหรือคําสั่งและถ้าเจ้าหนี้ตามคําพิพากษาได้ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องใดไว้หรือได้ดําเนินการบังคับคดีโดยวิธีอื่นไว้บางส่วนแล้วภายในระยะเวลาดังกล่าว ก็ให้ดําเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นนั้นต่อไปจนแล้วเสร็จได้
มาตรา 277 ในการบังคับคดี ถ้าเจ้าหนี้ตามคําพิพากษามีเหตุอันสมควรเชื่อได้ว่าลูกหนี้ ตามคําพิพากษามีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับคดีมากกว่าที่ตนทราบ หรือมีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับคดี แต่ไม่ทราบว่าทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่หรือเก็บรักษาไว้ที่ใด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์สินใดเป็นของลูกหนี้ ตามคําพิพากษาหรือไม่ เจ้าหนี้ตามคําพิพากษาอาจยื่นคําขอฝ่ายเดียวโดยทําเป็นคําร้องเพื่อให้ศาล ทําการไต่สวนได้ เมื่อมีคําขอตามวรรคหนึ่ง หรือเมื่อศาลเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่การบังคับคดี
มาตรา 281 เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องดําเนินการบังคับคดีในวันทําการงานปกติในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ถ้ายังไม่แล้วเสร็จประกอบกับมีความจําเป็นและสมควรจะกระทําต่อไปในเวลาหลังพระอาทิตย์ตกก็ได้
มาตรา 282 ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อว่ามีทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคําพิพากษาหรือมีบัญชีเอกสาร จดหมาย หรือวัตถุอื่นใดเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของลูกหนี้ตามคําพิพากษาอยู่ในสถานที่ใดๆที่ลูกหนี้ตามคําพิพากษาครอบครองหรือครอบครองร่วมกับผู้อื่น ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอํานาจค้นสถานที่ดังกล่าว
มาตรา 283 ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อว่ามีทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคําพิพากษาหรือมีบัญชีเอกสาร จดหมาย หรือวัตถุอื่นใดอันเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของลูกหนี้ตามคําพิพากษาอยู่ในสถานที่ที่บุคคลอื่นครอบครองอยู่ เจ้าหนี้ตามคําพิพากษาอาจยื่นคําขอฝ่ายเดียวโดยทําเป็นคําร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลออกหมายค้นสถานที่นั้น
มาตรา 284 ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอํานาจดําเนินการไปตามความจําเป็นและสมควรแห่งพฤติการณ์เพื่อดําเนินการบังคับคดีจนได้ ในกรณีที่มีผู้ขัดขวางหรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะมีผู้ขัดขวางเจ้าพนักงานบังคับคดีมีอํานาจแจ้งให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจช่วยเหลือได้
มาตรา 297 ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอํานาจบังคับคดีเอากับทรัพย์สินดังต่อไปนี้ได้ เช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในมาตรา 296
1.สินสมรสของคู่สมรสของลูกหนี้ตามคําพิพากษา เฉพาะในกรณีที่ลูกหนี้ตามคําพิพากษา และคู่สมรสเป็นลูกหนี้ร่วมกันตามมาตรา 1490 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือทรัพย์สิน ของคู่สมรสของลูกหนี้ตามคําพิพากษาซึ่งตามกฎหมายอาจบังคับเอาชําระหนี้ตามคําพิพากษาได้
2. ทรัพย์สินของบุคคลอื่นซึ่งตามกฎหมายอาจบังคับเอาชําระหนี้ตามคําพิพากษาได้
การทวงหนี้ในปัจจุบันมีความยุ่งยากสลับซับซ้อนด้วยปัจจัยหลายประการ เนื่องจากเศษรฐกิจย่ำแย่ ความสามารถในการหาเงินมาชำระหนี้เป็นเรื่องลำบากสำหรับลูกหนี้ ทำให้ลูกหนี้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหนี ดังนั้น กฎหมายบังคับคดีดังกล่าวจึงจะเป็นเครื่องมืออีกเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้เรียกเงินคืนจากลูกหนี้ได้