หลักการสหกรณ์กับพฤติการณ์ฉ้อฉลของคณะกรรมการสหกรณ์
ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับอดีตประธานกรรมการสหกรณ์แห่งหนึ่งได้ใช้สหกรณ์บังหน้าและใช้อดีตตัวเองซึ่งเคยเป็นประธานสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่ง เข้าถึงข้อมูลการฝากเงินของสมาชิกสหกรณ์ หลังจากนั้นก็ชักชวนให้ร่วมลงทุนโดยเสนอผลตอบแทนที่สูงกว่าสถาบันการเงินจะให้ได้ โดยอาศัยความน่าเชื่อถือส่วนตัวของประธานกรรมการสหกรณ์ เป็นคนที่มีการศึกษาสูง เป็นครูบาอาจารย์ และอยู่ในวงการสหกรณ์มาเป็นเวลานาน ทำให้ง่ายต่อการหลอกลวงสมาชิกของสหกรณ์ เพราะเป็นผู้ที่คนในวงการสหกรณ์เคารพนับถืออยู่แล้ว จึงทำให้มีสมาชิกสหกรณ์ทั้งที่เป็นครูบาอาจารย์และผู้ที่มีการศึกษาสูงหลายคนยอมถอนเงินที่ฝากไว้กับสหกรณ์ไปลงทุนเกี่ยวกับแชร์ลอตเตอรี่ ซึ่งอดีตประธานสหกรณ์ท่านนี้อ้างว่ามีโควต้าซื้อลอตเตอรี่และให้ผลตอบแทนร้อยละ 1 ต่อเดือน มีผู้เสียหายหลงเชื่อ 160 ราย ความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท การฉ้อโกงประชาชนดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่หลงเชื่อนำเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตหรือหลังเกษียณอายุราชการไปลงทุนจนหมดเกลี้ยง และได้หลบหนีไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันศาลได้มีการออกหมายจับไปแล้ว ขบวนการต่อจากนี้ไปต้องดำเนินคดีอาญา คดีฟอกเงินเพื่อติดตามเอาทรัพย์คืน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกับคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยู่เนี่ยนคลองจั่นจำกัด ซึ่งมีการคดโกงเงินของสหกรณ์ไปนับหมื่นล้าน ซึ่งปัจจุบันติดคุกอยู่แต่ก็ไม่สามารถติดตามเงินมาได้ คดีนี้ก็เช่นกัน ความยากไม่ได้อยู่ที่การดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดทางอาญา แต่ความยากอยู่ที่จะสืบหาทรัพย์สินและยึดมาคืนผู้เสียหายอย่างไรเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าครับ ผมเป็นวิทยากรของสันนิบาตรสหกรณ์มาเป็นเวลานาน ได้ประสบพบเห็นปัญหาการคดโกงในวงการสหกรณ์มานาน ขอเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบว่าหลักการสหกรณ์นั้นเป็นหลักการที่ดี มีความประสงค์ที่จะจัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือตัวเองและเพื่อน ไม่ได้มุ่งค้าหากำไร อดีตประธานสหกรณ์ที่ถูกออกหมายจับนำหลักการไปฉ้อฉลหลอกลวงสมาชิกสหกรณ์ ผิดไปจากเจตนารมณ์ของสหกรณ์ ผมยืนยันว่าหลักการของสหกรณ์ยังเป็นหลักการที่เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ครับ และขอให้ท่านผู้อ่านและสมาชิกสหกรณ์ทุกท่านมั่นใจในระบบสหกรณ์ครับ คณะกรรมการที่ฉ้อฉลสหกรณ์นั้นมีน้อยมาก แต่เมื่อสร้างความเสียหายขึ้นก็ทำให้เกิดความเสียหายมากมายมหาศาล จึงเป็นหน้าที่ของชาวสหกรณ์ที่จะต้องเอาหูทั่วนาเอาตาทั่วไร่แทนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ และช่วยกันสกัดกั้นไม่ให้พวกฉ้อฉลเข้ามาเป็นคณะกรรมการของสหกรณ์เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิชอบด้วยกฎหมาย เพราะคณะกรรมการของสหกรณ์นั้นต้องมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และสมาชิกไม่ควรเลือกพวกประชานิยมทั้งหลาย เพราะพวกนี้เป็นต้นตอของการทุจริตและการล่มสลายของสหกรณ์นะครับ
หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับสหกรณ์โดยตรงคือกรมส่งเสริมสหกรณ์ มีอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นนายทะเบียนสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 มาตรา 15 และการกำกับดูแลสหกรณ์นั้นกรมส่งเสริมสหกรณ์ต้องกระทำการแบบเชิงรุก ไม่ใช่รอให้ความเสียหายเกิดขึ้นก่อน โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 20 มาตรา 21 และมาตรา 22 หากมีข้อมูลจากการตรวจสอบพบว่าสหกรณ์ใดส่อไปในทางฉ้อฉลก็ควรจะเข้าไปรีบดำเนินการก่อนที่ความเสียจะลุกลามใหญ่โตเหมือนกับคดีนี้ สำหรับคดีนี้ผมเห็นว่ากรมส่งเสริมสหกรณ์ยังช้าเกินไปในการที่จะกำกับดูแลสหกรณ์ ควรจะเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่านี้ เพราะถ้านายทะเบียนทำหน้าที่เต็มที่ก็คงไม่มีแชร์ลอตเตอรี่เกิดขึ้นมากมายในวงการสหกรณ์ด้วยครับ ฝากท่านอธิบดีด้วยนะครับ เกี่ยวกับเรื่องการทำงานเชิงรุก เพราะความเสียหายมันมากมายเหลือเกินครับ
ตัวบทกฎหมายอ้างอิงเกี่ยวกับการกำกับดูแลสหกรณ์เพื่อมิให้เกิดการฉ้อฉลในระบบสหกรณ์
พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
“สหกรณ์” หมายความว่า คณะบุคคลซึ่งร่วมกันดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม โดยช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้
“สมาชิก” หมายความว่า สมาชิกของสหกรณ์ หรือสมาชิกกลุ่มเกษตรกร
มาตรา 20 ถ้าที่ประชุมใหญ่หรือที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ลงมติอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบของสหกรณ์ ระเบียบหรือคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ ให้นายทะเบียนสหกรณ์หรือรองนายทะเบียนสหกรณ์มีอำนาจสั่งยับยั้งหรือเพิกถอนมตินั้นได้
มาตรา 21 ในกรณีที่กรรมการ ผู้จัดการ หรือเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ทำให้สหกรณ์เสียหาย ถ้าสหกรณ์ไม่ร้องทุกข์หรือฟ้องคดี ให้นายทะเบียนสหกรณ์หรือรองนายทะเบียนสหกรณ์ร้องทุกข์หรือฟ้องคดีแทนสหกรณ์ได้ และให้พนักงานอัยการรับว่าต่างให้สหกรณ์ โดยให้สหกรณ์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการร้องทุกข์ ฟ้องคดีหรือการว่าต่างแก่นายทะเบียนสหกรณ์ รองนายทะเบียนสหกรณ์ หรือพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี
มาตรา 22 ในกรณีที่คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์กระทำการหรืองดเว้นกระทำการในการปฏิบัติหน้าที่ของตน จนทำให้เสื่อมเสียผลประโยชน์ของสหกรณ์หรือสมาชิก หรือสหกรณ์มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี หรือกิจการหรือฐานะการเงิน ตามรายงานการสอบบัญชีหรือตามรายงานการตรวจสอบ ให้นายทะเบียนสหกรณ์มีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ปฏิบัติการ ดังต่อไปนี้
(1) ให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์แก้ไขข้อบกพร่องตามวิธีการและระยะเวลาที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนด
(2) ให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ระงับการปฏิบัติบางส่วนที่เป็นเหตุให้เกิดข้อบกพร่องหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์ของสหกรณ์หรือสมาชิก
(3) ให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องนั้นให้แล้วเสร็จตามวิธีการและภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนด
(4) ให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ หรือให้กรรมการซึ่งเกี่ยวข้องกับการนั้นพ้นจากตำแหน่งกรรมการ