การบังคับคดี
คุณพุฒินันท์ เรียนถามทนายคลายทุกข์ว่า เพื่อนผมทำสินเชื่อผ่อนสินค้าตั้งแต่ ปี 46
ไม่ได้ผ่อนชำระตั้งแต่งวดแรก เพราะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แล้วก็มีหมายศาลมาเมื่อเดือนธันวาคม 2551
ศาลพิจารณาแล้วให้ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5
ต่อปี (เงินต้นประมาณ 37,000 .- ) นับตั้งแต่ศาลตัดสิน
ไม่เช่นนั้น จะทำการจับ/ปรับ/อายัด
อยากเรียนถามว่า
1. เพื่อนผมจะติดคุกไหมครับ
2.
แล้วควรจะทำเช่นไรครับ
เพราะเจ้าหนี้ไม่โทรมาถามเลย
3.
แล้วเพื่อนผมรับราชการเป็นลูกจ้างชั่วคราว เงินเดือน+ เงินเวร +ค่าครองชีพ
ประมาณ 12,000.- จะโดนอายัดทรัพย์ไหมครับ (
มีบ้านต้องผ่อนประมาณ 3,500.- และเงินต้องเลี้ยงดูบุตรด้วยครับ
)
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
1. เมื่อศาลมีคำพิพากษาคดีแพ่ง
ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิบังคับคดี
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 เช่น
อายัดเงินเดือนหรือทรัพย์สินของลูกหนี้ ไม่มีบทลงโทษจำคุก
2. หาทนายความ
ผู้รู้ เป็นตัวแทนในการเจรจาหนี้กับเจ้าหนี้
เพื่อระงับข้อพิพาทต่อไป
3. การอายัดทรัพย์เกี่ยวกับเงินเดือน
เป็นไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา286
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 271 ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดี
(ลูกหนี้ตามคำพิพากษา)มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน
คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา)
ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา
หรือคำสั่งนั้นได้ภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง
โดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น
มาตรา 286
ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น
เงินหรือสิทธิเรียกร้องเป็นเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปนี้
ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
(1)
เบี้ยเลี้ยงชีพซึ่งกฎหมายกำหนดไว้และเงินรายได้เป็นคราว ๆ
อันบุคคลภายนอกได้ยกให้เพื่อเลี้ยงชีพ
เป็นจำนวนรวมกันไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาทหรือตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควร
(2) เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ บำเหน็จ
เบี้ยหวัด หรือรายได้อื่นในลักษณะเดียวกันของข้าราชการ เจ้าหน้าที่
หรือลูกจ้างในหน่วยราชการ และเงินสงเคราะห์ บำนาญ
หรือบำเหน็จที่หน่วยราชการได้จ่ายให้แก่คู่สมรสหรือญาติที่ยังมีชีวิตของบุคคลเหล่านั้น
(3) เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ ค่าชดใช้
เงินสงเคราะห์ หรือรายได้อื่นในลักษณะเดียวกันของพนักงาน ลูกจ้าง หรือคนงาน นอกจากที่กล่าวไว้ใน
(2) ที่นายจ้างจ่ายให้แก่บุคคลเหล่านั้น หรือคู่สมรส
หรือญาติที่ยังมีชีวิตของบุคคลเหล่านั้น
เป็นจำนวนรวมกันไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท หรือตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควร
(4)
เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้รับอันเนื่องมาแต่ความตายของบุคคลอื่นเป็นจำนวนตามที่จำเป็นในการดำเนินการฌาปนกิจศพตามฐานะของผู้ตายที่ศาลเห็นสมควร
ในกรณีที่ศาลเป็นผู้กำหนดจำนวนเงินตาม (1) และ (3)
ให้ศาลกำหนดให้ไม่น้อยกว่าอัตราเงินเดือนขั้นต่ำสุดของข้าราชการพลเรือนในขณะนั้นและไม่เกินอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของข้าราชการพลเรือนในขณะนั้น
โดยคำนึงถึงฐานะในทางครอบครัวของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและจำนวนบุพการีและผู้สืบสันดานซึ่งอยู่ในความอุปการะของลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วย
ในกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจออกคำสั่งอายัดตามมาตรา
311 วรรคสอง ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจกำหนดจำนวนเงินตาม (1) (3) และ (4)
และให้นำความในวรรคสองมาใช้บังคับแก่การกำหนดจำนวนเงินตาม (1) และ (3) โดยอนุโลม
แต่ถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีไม่เห็นด้วยกับจำนวนเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด
บุคคลดังกล่าวอาจยื่นคำร้องต่อศาลภายในสิบห้าวัน
นับแต่วันที่ได้ทราบถึงการกำหนดจำนวนเงินเช่นว่านั้น
เพื่อขอให้ศาลกำหนดจำนวนเงินใหม่ได้
ในกรณีที่พฤติการณ์แห่งการดำรงชีพของลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้เปลี่ยนแปลงไป
บุคคลตามวรรคสามจะยื่นคำร้องให้ศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดี แล้วแต่กรณี
กำหนดจำนวนเงินตาม (1) และ (3) ใหม่ก็ได้
คำสั่งของศาลที่เกี่ยวกับการกำหนดจำนวนเงินตามมาตรานี้ให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ได้และคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด