การรับมรดก
บิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มีบุตรด้วยกัน 1 คน ไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร ต่อมาบิดามารดาแยกทางกัน บิดาแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับภรรยาใหม่ บุตรอยู่กับบิดาได้รับการดูแลเลี้ยงดูจากบิดามาตลอด 25 ปี มีญาติของบิดาที่เป็นพยานได้ กรณีนี้ หากผู้เป็นบิดาถึงแก่กรรม บุตรจะมีสิทธิ์ได้รับมรดกของบิดา เทียบเท่ากับภรรยาใหม่หรือไม่ บุตรจะต้องฟ้องร้องหรือไม่ หากภรรยาใหม่อ้างว่าตนมีทะเบียนสมรสมีสิทธิ์ได้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
แม้บิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของบุตร ทำให้บุตรเป็นบุตรนอกกฎหมาย แต่พฤติการณ์ที่บิดาได้รับบุตรไปอยู่ด้วยหลังจากที่ได้แยกทางกับมารดาของบุตร โดยแสดงแก่บุคคลทั่วไปว่าเด็กเป็นบุตรของตน ย่อมเป็นกรณีที่บิดาได้รับรองบุตรนอกกฎหมายแล้วตามความเป็นจริง ย่อมถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ตามความแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1627,1629(1) ดังนั้น หากภายหลังบิดาตาย บุตรคนนี้มีสิทธิได้รับมรดกบิดา ร่วมกับภรรยาคนใหม่ คู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา โดยส่วนแบ่งเท่ากัน ซึ่งภรรยาคนใหม่ได้ส่วนแบ่งมรดกของสามีเสมือนว่าตนเป็นทายาทชั้นบุตร ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629 วรรค 2 , 1635(1)
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1627 บุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้วและบุตรบุญธรรมนั้นให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดาน เหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายนี้
มาตรา 1629 ทายาทโดยธรรมมีหกลำดับเท่านั้น และภายใต้บังคับแห่งมาตรา 1630 วรรค 2 แต่ละลำดับมีสิทธิได้รับมรดกก่อนหลังดั่งต่อไปนี้ คือ
(1) ผู้สืบสันดาน
(2) บิดามารดา
(3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
(4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน
(5) ปู่ ย่า ตา ยาย
(6) ลุง ป้า น้า อา
คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็นทายาทโดยธรรม ภายใต้บังคับของบทบัญญัติพิเศษแห่งมาตรา 1635
มาตรา 1635 ลำดับและส่วนแบ่งของคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ในการรับมรดกของผู้ตายนั้น ให้เป็นไปดั่งต่อไปนี้
(1) ถ้ามีทายาทตามมาตรา 1629 (1) ซึ่งยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่แล้วแต่กรณี คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งว่าตนเป็นทายาทชั้นบุตร