คดีละเมิดเรียกค่าเสียหายกรณีรถชน
เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว น้าผมขับรถวินมอเตอร์ไซร์รับจ้างแล้วเกิดเหตุชนรถเก๋งเข้า แต่น้าผมมาทางตรง ส่วนรถเก๋งออกรถขวางถนนหรือออกตัดหน้ามาเลย แบบไม่ตั้งตัว แต่รถน้าผมหักหลบชนที่ประตูหลังจนน้าผมได้รับบาดเจ็บ กามหัก 2 ข้าง ขาหักข้างขวา ขนาดกระดูกรุดหักติดที่ประตูรถเก๋งประมาณนิ้วครึ่ง
ตอนนั้นก็มีร้อยเวรมาดูเหตุการณ์ ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เขียนบันทึกประจำวันตามปกติ ก็รีบนำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ขณะที่คู่กรณีประตูรถเก๋งข้างหลังบุบไป กระจกแตก แต่เข้าสามารถนำรถออกมาได้เลย ซึ่งคดียังไม่เส็จเลยเส้นใหญ่จริงๆ ต่อมาคู่กรณีก็มาคุย บอกว่าจะรับผิดชอบให้ค่ารักษาช่วยทุกอย่าง รถที่พังก็จะซ่อมให้ ญาติคนเจ็บก็เลยเอาตัวคนเจ็บกลับไปรักษาที่ต่างจังหวัด พอคนเจ็บดีขึ้นมาหน่อยก็เลยกลับมาหาคู่กรณี แต่คู่กรณีหลบไม่ยอมรับโทรศัพท์ ก็เลยไปแจ้งตำรวจ เพื่อให้เรียกตัวมาคุยกันแล้วไปดูที่บ้าน เจอเมียคู่กรณีก็พูดคุยกันเขาพูดมาว่า คดียังไม่จบอีกหรอ เขาบอกว่ารถมอเตอร์ไซร์วินผิด พูดแบบหน้าตาเฉยอ้างอีกว่า รองผู้ว่าก็บอกว่ามอไซร์ผิด เบ่งอีกว่ามีเส้นใหญ่ ตอนนี้ก็รอนัดคุยกันถ้าคุยไม่รู้เรื่องไม่ยอมให้ค่าเสียหายก็ต้องขึ้นศาลแล้วต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งทางคนเจ็บตอนนี้ก็ยังเดินไม่ได้เลย เงินก็ไม่ค่อยมีแล้วจะไปจ้างทนายที่ไหนมาสู้คดีคับ..ถ้าสู้กันจะมีสิทธ์ชนะบ้างไหม
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
การที่อุบัติเหตุที่รถชนกันนั้น เป็นเรื่องที่ทางคู่กรณี ซึ่งขับรถเก๋งตัดหน้ารถจักรยานยนต์ของน้าของท่านอย่างกระชั้นชิด จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีที่เป็นรถเก๋งนั้นได้กระทำละเมิดต่อคุณน้า เป็นเหตุให้เขาได้รับความเสียหายถึงแก่ร่างกายและอนามัย คู่กรณีจึงได้ละเมิดต่อคุณน้า จึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่คุณน้าเพื่อรักษาพยาบาล อันเป็นค่าใช้จ่ายที่ตนต้องเสียไป เนื่องจากการละเมิดของคู่กรณีฝ่ายรถเก๋ง และค่าเสียหายเพื่อการที่คุณน้าต้องเสียความสามารถในการประกอบกิจการงานสิ้นเชิง หรือแต่บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันและในเวลาอนาคตนั้นด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420 และมาตรา 444
เพราะฉะนั้น หากคู่กรณีฝ่านรถเก๋งปฏิเสธความรับผิดหรือไม่ยอมเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่คุณน้าผู้เสียหาย จึงย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของคุณน้า คุณน้าจึงสามารถที่จะใช้สิทธิทางศาลในอันที่จะฟ้องคดีละเมิดต่อคู่กรณีเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวได้ภายในกำหนดอายุ 1 ปี นับแต่วันที่คุณน้ารู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือภายใน 10 ปี นับแต่วันทำละเมิด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 448
อนึ่ง เหตุละเมิดที่ได้เกิดขึ้นกับคุณน้า หากยังไม่ได้รับความเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือคู่กรณีปฏิเสธความรับผิด ตามกฎหมายแล้วเขาย่อมไม่อาจหลุดพ้นจากความรับผิดด้วยเหตุละเมิดที่ตนได้ก่อไว้ กรณีจึงจะมีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างยิ่งที่คุณน้าจะต้องเข้ามาพบและปรึกษาทนายคลายทุกข์ โดยนำเอกสารภาพถ่ายที่เกิดเหตุ และบันทึกประจำวัน และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อพิจารณาการฟ้องร้องดำเนินคดีกับคู่กรณีต่อไป
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 444 ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย
ถ้าในเวลาที่พิพากษาคดี เป็นพ้นวิสัยจะหยั่งรู้ได้แน่ว่าความเสียหายนั้นได้มีแท้จริงเพียงใด ศาลจะกล่าวในคำพิพากษาว่ายังสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะแก้ไขคำพิพากษานั้นอีกภายในระยะเวลาไม่เกินสองปีก็ได้
มาตรา 448 สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด
แต่ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา และมีกำหนดอายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าวมานั้นไซร้ ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ