สแกนหัวใจ|สแกนหัวใจ

สแกนหัวใจ

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

สแกนหัวใจ

  • Defalut Image

เรื่องนี้ งานยากของนักสืบคือ เป้าหมายไม่ใช้รถ.... วันนึงหญิงสาวจูงมือลูกชายวัย 7 ขวบมาพร้อมกับแม่

บทความวันที่ 24 พ.ค. 2561, 13:32

มีผู้อ่านทั้งหมด 1417 ครั้ง


สแกนหัวใจ

    เรื่องนี้ งานยากของนักสืบคือ เป้าหมายไม่ใช้รถ.... วันนึงหญิงสาวจูงมือลูกชายวัย 7 ขวบมาพร้อมกับแม่    ขอพบนักสืบกุ้งเพื่อปรึกษาปัญหาครอบครัว  ดิฉันใช้เวลาคุยกับเธอค่อนข้างนานเพราะลูกชายซน.. ไม่นิ่งเดินไปเดินมา ชอบปีนโน่นนี่นั่น ตลอดเวลา นั่งได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็วิ่งซนตามประสาเด็กๆ น้องจะไม่นิ่งเหมือนเด็กทั่วไป เธอเล่าเรื่องราวครอบครัวให้ฟัง สามีเธอคือ.. ฉัตรชัย เจ้าหน้าที่ประจำแผนกสแกนหัวใจของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นคนเงียบ ๆ ชอบเก็บตัว  ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ฉัตรชัยกับเธอแต่งงานกันเพราะเคยเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งสมัยมัธยมต้น มีบุตรชาย 1 คน โชคไม่ดีนัก บุตรชายมีอาการออทิสติก ต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา  คุณหมอที่รักษาน้องแจ้งว่าสามารถรักษาให้หายจากอาการโรคดังกล่าวได้ เมื่อคุณหมอยืนยันเช่นนั้น แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาน้องขั้นต่ำเดือนละ 200,000 บาท จึงก่อให้เกิดปัญหาเธอกับฉัตรชัย มีปากเสียงเถียงกันบ่อย  เธอลาออกจากงานประจำที่ทำมีรายได้เงินเดือนๆประมาณ 150,000 บาท เพื่อมาดูแลลูกชาย  ฉัตรชัยจึงเป็นเสาหลักของครอบครัว ระหว่างการใช้ชีวิตในครอบครัวนอกจากปัญหาเรื่องเงินทองที่ต้องรับผิดชอบมากมาย เริ่มมีปัญหามือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีเพื่อนร่วมงานของคุณฉัตรชัย โทรศัพท์ไปเล่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของฉัตรชัย คบหากับเพื่อนหญิงในที่ทำงานเดียวกันในเชิงชู้สาว เปิดตัวกันในสำนักงาน ส่งรูปมาให้ดู  เธอรู้ ตามประสาหญิงก็จะเอะอะโวยวาย เอะอะ เอ็ดตะโร ใส่ฉัตรชัย  เธอและฉัตรชัยเริ่มไม่คุยกัน แยกห้องนอน  บางวันฉัตรชัยไม่กลับบ้าน  ประกอบกับแม่สามีเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนเธอและสามีมากมายหลายเรื่อง  แม่ฉัตรชัยขนย้ายข้าวของเข้ามาในบ้าน ทั้งๆที่ในบ้านก็มีแม่ของเธออาศัยอยู่ด้วยคอยช่วยเลี้ยงหลาน  เสือสองตัวจะอยู่บ้านเดียวกันได้ไง นี่ก็แม่ตัวเอง อีกคนก็แม่สามี เริ่มมีปัญหามากขึ้น ทั้งเรื่องที่เธอคิดว่าฉัตรชัยมีผู้หญิง และเรื่องเงินทอง ถึงขั้นทะเลาะกับแม่สามีเอ่ยปากไล่ออกจากบ้าน   เธอกับแม่จึงย้ายตัวเองออกจากบ้านพร้อมกับลูกชาย ไปอยู่บ้านอีกหลัง  ปล่อยให้ฉัตรชัยอยู่บ้านกับแม่ของเขา เพราะบางวันฉัตรชัยไม่กลับบ้าน เธอไม่สบายใจจึงมาหานักสืบกุ้ง เพื่อให้ไปตรวจดูซิว่า ฉัตรชัยไปนอนที่ไหน อยู่กับใคร ....วันแรกของการปฏิบัติภารกิจ  เริ่มต้นจากที่หน้าบ้านพัก  ....ฉัตรชัยนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างออกจากบ้านมุ่งหน้าไปโรงเรียนลูก ไปยืนมอง ๆ  หน้าห้องเรียนลูกอยู่นาน ไม่พูดคุยกับใคร และเดินออกมาขึ้นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ไปลงหน้าห้างแห่งหนึ่งเข้าไปซื้อข้าวกล่องนั่งทานอยู่ 2 ชั่วโมง นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ พอได้เวลาก็กลับเข้าบ้าน อยู่ในบ้านสัก 2-3 ชั่วโมง ก็เดินออกจากบ้าน กางร่มไทยพาณิชย์สีม่วง  มาหาซื้อขนมในห้างใกล้บ้าน นั่งเล่นโทรศัพท์ 2-3 ชั่วโมง แล้วเดินกลับเข้าบ้าน  ทุกครั้งที่ฉัตรชัยเดินทางออกนอกบ้านจะมีกระเป๋าเป้สะพายหลังออกมาด้วยเสมอ  ในทุกวันเสาร์ลูกชายต้องไปหาหมอ ฉัตรชัยไปพบเธอตามนัดที่โรงพยาบาล เพราะระเบียบของหมอต้องมีพ่อแม่เด็กเข้าพบหมอพร้อมกัน  แต่ฉัตรชัยไม่ยอมเข้าไปในห้องรักษาลูก  นั่งรออยู่หน้าห้อง..แสดงให้หมอเห็นว่าฉันมาแล้ว   เมื่อหมอเรียกให้เข้าไปในห้อง ฉัตรชัยเดินเข้าไปพร้อมเอามือขยี้หัวตัวเองจนหัวฟู ยืนในห้องหมอไม่ถึง 5 นาทีก็ออกมานั่งเฉย ๆ ไม่ทำไร  เมื่อเห็นเธอพาลูกออกจากห้องรักษา ฉัตรชัยก็หมดหน้าที่พ่อ..เดินไปขึ้นรถเมล์ ก่อนเข้าบ้านก็สเต็ปเดิม เดินเข้าห้างซื้อข้าวกล่อง นั่งเล่นโทรศัพท์ ไม่มีอะไรที่นอกจากที่เห็น  ฉัตรชัยมีรถยนต์แต่ไม่ใช้อ้างกับเธอว่าจะมีคนตามฆ่า จึงต้องจอดรถที่บ้าน  เปลี่ยนไปขึ้นรถเมล์ รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างแทน  วันต่อมาอารมณ์ไหนไม่รู้ฉัตรชัยขับรถยนต์ออกจากบ้าน ไปห้างโลตัสไม่ไกลจากบ้านมากนัก เดินเข้าไปซื้อรองเท้าคู่ละ 199 บาท 1 คู่ และยาสระผม 1 ขวด ทีมงานนักสืบสงสัยทำไม ฉัตรชัยไม่ซื้อที่ห้างหน้าบ้านตนเอง ดิฉันรายงานเธอไปตามที่เห็นถามเธอถึงพฤติกรรมตามที่เห็น  เธอบอกว่าห้างใกล้บ้าน ราคามันแพง จึงต้องขับรถไปซื้อที่โลตัส (อ้าว!แล้วมันคุ้มกับค่าน้ำมันไหมนี่) ระยะการติดตามดูพฤติกรรมของฉัตรชัยประมาณ 2 เดือน ฉัตรชัยไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ดำเนินชีวิตเหมือนเดิม ทำอะไรซ้ำๆ   เธอบอกดิฉันว่าฉัตรชัยต้องการหย่า แต่จะไม่แบ่งสินสมรสให้ บอกว่า เธอใช้เงินไปเยอะแล้ว ลูกก็ไม่ต้องรักษาแล้ว ให้เอาไปทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์ ปล่อยให้รัฐบาลสถานสงเคราะห์เลี้ยงดูไปแล้วกัน ..แบบนี้ก็มีด้วยหรือ? จะไม่ให้เธอเบิกเงินค่ารักษาลูกอีกแล้ว  เพราะเธอใช้เงินในการรักษาลูกมาเยอะแล้ว   อ้าว! สรุปว่าใครป่วยกันแน่งานนี้  เธอบอกว่าฉัตรชัยเมื่อสมัยเด็กฉัตรชัยได้ป่วยเป็นโรคเดียวกับที่ลูกชาย  แต่รักษาหายเป็นคนฉลาดเรียนเก่งมาก  ระยะหลังมีอาการแปลกๆ บางทีเหม่อลอย ไม่กลับบ้านจนมีคนในที่ทำงานมาเล่าให้เธอฟัง แต่พอมาทราบพฤติกรรมจากนักสืบแล้ว คงไม่เกี่ยวกับการมีกิ๊กแน่  คาดว่าฉัตรชัยอาการป่วยคงกำเริบ   ด้วยพฤติกรรมแปลกของสามี และแม่สามีเข้ามีบทบาทและยุ่งเกี่ยวในชีวิตเธอ ต้องการให้สามีหย่ากับเธอและจะไม่ยอมแบ่งทรัพย์สินให้  กล่าวหาเธอใช้จ่ายเงินเยอะ ไม่ทำหาเงิน เธอบ่นน้อยใจลาออกจากงานก็เพราะต้องมาดูแลลูกที่ป่วย เธอบ่น! สงสัยตัวเองจะคิดผิดตั้งแต่แรก รู้จักเขามาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเขารักษาอาการป่วยหายเรียนจบทำงานที่ดี แต่ไม่คิดว่าวันนึงอาการป่วยของสามีจะกลับมาและนิสัยก็เปลี่ยนเชื่อฟังแม่ทุกอย่าง เธอพูดอะไรก็ผิดไปหมด ตอนนี้ไม่กล้าเข้าบ้าน เพราะกลัวอารมณ์ของฉัตรชัย เธออาจจะถูกทำร้ายได้ ต้องอยู่คนละบ้าน ทำใจ...รักษาลูกชายไปก่อน  พฤติกรรมสามีไม่มีหญิงอื่นตามข่าวลือ อาการที่แสดงออกเหมือนเบื่อคนในบ้าน ไม่อยากกลับบ้าน.......หรือเบื่อเมีย (ไม่รู้นะ..55)  สแกนหัวใจคนอื่นแต่ไม่สแกนหัวใจตัวเองเน้อ…มีปัญหาปรึกษานักสืบกุ้งได้ค่ะ
 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก