คดีนี้ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ได้สั่งเข้าห้ามปรามวัยรุ่นที่ทะเลาะวิวาทกัน

บทความวันที่ 20 ส.ค. 2561, 10:14

มีผู้อ่านทั้งหมด 1191 ครั้ง

ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน อาจถือว่าเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม

              คดีนี้ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ได้สั่งเข้าห้ามปรามวัยรุ่นที่ทะเลาะวิวาทกัน โดยสั่งให้ทุกฝ่ายหยุดและให้นั่งลง มีนาย อ. ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง กลับท้าทายจำเลยโดยการเข้าไปเตะวัยรุ่งที่นั่งตามคำสั่งจำเลย การกระทำดังกล่าวถือเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยทำร้ายนาย อ. การที่จำเลยทำร้ายนาย อ. และผู้ตายดังกล่าวจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ 

คำพิพากษาฎีกาที่ 3471/2553
    จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย การที่นาย อ. กับพวกไล่ทำร้ายกลุ่มวัยรุ่น จำเลยได้เข้าห้ามปรามและสั่งให้ทุกฝ่ายหยุดและนั่งลง กลุ่มวัยรุ่นปฏิบัติตาม แต่นาย อ. ไม่ปฏิบัติตาม กลับท้าทายอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของจำเลย โดยเข้าไปเตะวัยรุ่นที่นั่งตามคำสั่งของจำเลย ย่อมทำให้จำเลยโกรธเคือง ถือเป็นการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจึงทำร้ายนาย อ. ผู้ตายเข้าไปดึงเอวจำเลยไว้ จำเลยเข้าใจว่าผู้ตายเป็นพวกเดียวกับนาย อ. ที่ท้าทายอำนาจตามกฎหมายของจำเลย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ แม้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้

ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา 
มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ 

ปรึกษาข้อกฎหมายกับทีมทนายความ ทนายคลายทุกข์ โทร.02-9485700, 081-6161425