สัญญาเช่าช่วงต้องมีพยานเอกสารมาแสดง
สัญญาเช่าช่วงเป็นกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง และไม่สามารถนำสืบให้แตกต่างจากข้อความในสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14752/2557
การเช่าช่วงอาคารเป็นอสังหาริมทรัพย์ต้องอยู่ในบังคับของ ป.พ.พ.มาตรา 538 อันเป็นกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงและข้อความตามสัญญาเช่าช่วงระบุว่าเป็นหน้าที่ของผู้เช่าช่วงที่ต้องดำเนินการเพื่อให้ได้มาหรือ
รักษาไว้ซึ่งใบอนุญาตทั้งหลายที่จำเป็นเกี่ยวกับกิจการ จำเลยทั้งสองไม่อาจนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาเช่าช่วงว่าการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจเป็นหน้าที่ของโจทก์ทั้งสี่ จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ตามสัญญาเช่าช่วง
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 538 เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หาก
มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่านั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 94 เมื่อใดมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังพยานบุคคลในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ แม้ถึงว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะได้ยินยอมก็ดี
(ก) ขอสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร เมื่อไม่สามารถนำเอกสารมาแสดง
(ข) ขอสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อได้นำเอกสารมาแสดงแล้วว่า ยังมีข้อความเพิ่มเติม ตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นอยู่อีก
แต่ว่าบทบัญญัติแห่งมาตรานี้ มิให้ใช้บังคับในกรณีที่บัญญัติไว้ในอนุมาตรา (2) แห่งมาตรา 93 และมิให้ถือว่าเป็นการตัดสิทธิคู่ความในอันที่จะกล่าวอ้างและนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่า พยานเอกสารที่แสดงนั้นเป็นเอกสาร
ปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือสัญญาหรือหนี้อย่างอื่นที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ หรือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด
ปรึกษาข้อกฎหมายกับทีมทนายความ ทนายคลายทุกข์ โทร.02-9485700, 081-6161425