ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการโกงเจ้าหนี้
1. การโอนทรัพย์สินที่จำนองไม่ทำให้เจ้าหนี้จำนองไม่ได้รับชำระหนี้เพราะจำนองย่อมตกติดไปกับทรัพย์อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 1074/2511
2.การขายทรัพย์สินเพื่อปลดเปลื้องภาระหนี้สินจำนองตามปกติไม่ใช่มีเจตนาเพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 4183/2542
คำพิพากษาศาลฎีกาอ้างอิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2511
จำเลยจำนองที่ดินไว้กับโจทก์. ต่อมาจำเลยนำที่ดินนั้นไปขายฝากผู้อื่นแล้วปล่อยให้ที่ดินหลุดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นไป. การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350. เพราะการโอนทรัพย์ของลูกหนี้ไปให้ผู้อื่นซึ่งจะเป็นความผิดตามบทกฎหมายมาตรานี้. จะต้องเป็นการโอนไปเพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน. แต่ที่ดินที่จำเลยโอนให้ผู้อื่นไปด้วยการขายฝากนั้นเป็นที่ดินที่จำเลยจำนองไว้กับโจทก์. การจำนองย่อมผูกพันทรัพย์สินที่จำนอง. ถึงแม้จะมีการโอนไปผู้รับโอนก็ต้องรับภารจำนองไปด้วย. โจทก์ในฐานะผู้รับจำนองย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนอง. มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังผู้อื่นแล้วหรือหาไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702วรรคสอง. การโอนที่ดินที่จำนองให้แก่ผู้อื่นไม่ทำให้โจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้จำนอง. โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายแต่ประการใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4183/2542
จำเลยและสามีถูกธนาคารผู้รับจำนองฟ้องให้ร่วมรับผิดชำระหนี้ เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยและธนาคารได้ขอบังคับจำนองที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยนำไปจำนองไว้เป็นประกันการกู้ยืม แม้ธนาคารผู้รับจำนองจะฟ้องคดีหลังจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์แล้วก็ตาม แต่หนี้ที่ จำเลยมีอยู่ธนาคารเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนและเป็นหนี้ที่มิได้เกิดจากการสมยอมระหว่างจำเลยกับธนาคาร การที่จำเลยตกลงยินยอมให้พ.เป็นผู้ชำระหนี้เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินต่อธนาคารแทนจำเลยและรับโอนที่ดินไป โดยมีข้อตกลงให้จำเลยซื้อที่ดินจากพ.คืนกลับไปได้โดยพ.ต้องชำระเงินต้นกับดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมภาษีและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แก่ธนาคารผู้รับจำนอง จึงเป็นกรณีที่จำเลย ต้องกระทำเพื่อมิให้ธนาคารเจ้าหนี้ผู้รับจำนองบังคับจำนองแก่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยถือไม่ได้ว่าจำเลยโอนขายทรัพย์สินของตนไปโดยเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์ซึ่งเป็น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้รับชำระหนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 35