การฟ้องเพิกถอนนิติกรรมที่ตกเป็นโมฆะ ไม่ใช่การเพิกถอนการฉ้อฉล
รู้กฎหมายกับทนายคลายทุกข์ การฟ้องเพิกถอนนิติกรรมที่ตกเป็นโมฆะ ไม่ใช่การเพิกถอนการฉ้อฉล ลูกหนี้และบุคคลอื่นสมคบการโอนทรัพย์สินเพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ โดยมิได้มีการซื้อขายกันจริงเป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กันตามมาตรา 155 วรรคหนึ่ง สัญญาซื้อขายตกเป็นโมฆะมิใช่เป็นการฟ้องเพิกถอนฉ้อฉลตามมาตรา 237 อ้างอิงฎีกาที่ 2041/2547
คำพิพากษาศาลฎีกาอ้างอิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2547
จำเลยที่ 1 ตกลงขายที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองโดยได้มีการส่งมอบที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองเข้าซ่อมแซมครอบครองตลอดมา อันเป็นการชำระหนี้บางส่วน ข้อตกลงจะซื้อจะขายที่ดินและบ้านพิพาทจึงมีผลผูกพันบังคับต่อกันได้แล้ว
จำเลยทั้งสองสมคบกันจดทะเบียนโอนซื้อขายที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริตและไม่มีการชำระเงินกันจริง จำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทที่แท้จริง การแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสองในทางทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินพิพาท จึงเป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กันเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง และผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 172 ก็ได้ โจทก์ทั้งสองชอบที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนเมื่อใดก็ได้ ฟ้องโจทก์ทั้งสองมิใช่การฟ้องขอเพิกถอนการฉ้อฉลตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 240