บุตรที่ไม่เป็นภาระ บิดามารดาไม่ต้องรับผิดชอบไปกระทำละเมิดกับบุคคลอื่น|บุตรที่ไม่เป็นภาระ บิดามารดาไม่ต้องรับผิดชอบไปกระทำละเมิดกับบุคคลอื่น

บุตรที่ไม่เป็นภาระ บิดามารดาไม่ต้องรับผิดชอบไปกระทำละเมิดกับบุคคลอื่น

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

บุตรที่ไม่เป็นภาระ บิดามารดาไม่ต้องรับผิดชอบไปกระทำละเมิดกับบุคคลอื่น

  • Defalut Image

ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีอายุ19 ปีเศษ ใกล้บรรลุนิติภาวะแล้วแม้ยังเป็นผู้เยาว์

บทความวันที่ 27 ธ.ค. 2560, 11:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 774 ครั้ง


บุตรที่ไม่เป็นภาระ บิดามารดาไม่ต้องรับผิดชอบไปกระทำละเมิดกับบุคคลอื่น

           ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีอายุ19 ปีเศษ ใกล้บรรลุนิติภาวะแล้วแม้ยังเป็นผู้เยาว์ แต่ก็มีงานมีการทำหาเลี้ยงชีพแล้ว ไม่เป็นภาระแก่บิดามารดา จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เป็นบิดามารดา ได้ใช้ความระมัดระวังดูแลลูกแล้ว จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1  เทียบเคียงคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 8138/55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8138/2555
           ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีอายุ 19 ปีเศษ ใกล้บรรลุนิติภาวะ แม้จะยังเป็นผู้เยาว์และต้องอยู่ในความปกครองดูแลของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาตามกฎหมายก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ก็ทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตนเองไม่เป็นภาระแก่บิดามารดา การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ก็เนื่องมาจากต้องใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไปทำงาน ทั้งจำเลยที่ 1 ได้รับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีวุฒิภาวะพอสมควรที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะไว้วางใจจำเลยที่ 1 ในการดำรงชีวิตในสังคมที่จะไม่ก่อความเดือดร้อนเสียหายแก่ผู้อื่น นอกจากนี้ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยขับรถจักรยานยนต์ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น หรือเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนอยู่เสมอ อันจะทำให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ควรต้องทักท้วงหรือห้ามปรามมิให้จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์อีกจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ เช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1 ตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้นแล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก