เครื่องจับเท็จและการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาล
ตอนนี้ข่าวดังตามสื่อต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ โซเชี่ยลมีเดียร์ต่างๆ และประชาชนสนใจมาก คงไม่พ้นเรื่อง "หวย" ซึ่งคนที่กล่าวอ้างกับผู้ถูกล่าวอ้าง ต้องมีฝ่ายหนึ่งโกหกขึ้นมา วันนี้่ทนายคลายทุกข์ขอนำความรู้เกี่ยวกับเครื่องจับเท็จและการ ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาลมานำเสนอ
1.เครื่องจับเท็จประกอบความเห็นของผู้ชำนาญการทางเครื่องจับเท็จว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด โดยโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นประกอบไม่เพียงพอ รับฟังลงโทษจำเลยได้ ฎีกาที่ 734/2553
2. พยานเคยเห็นลายมือชื่อของจำเลยมา 10 ปีศาลรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้และถือเสมือนหนึ่งเป็นพยานผู้ชำนาญการพิเศษ ฎีกาที่ 685/2478
3. เมื่อการตรวจ DNA กระทำโดยผู้ชำนาญการพิเศษในทางการแพทย์ถูกต้องตามหลักวิชาชีพแพทย์ เป็นพยานหลักฐานที่รับฟังได้ ตามป.วิอาญามาตรา 243 ฎีกาที่ 3396/2528
4. ความเห็นของผู้เชี่ยววชาญจะรับฟังได้เพียงใดขึ้นอยู่กับความสมเหตุสมผลของความเห็นนั้น ถึงแม้จะลงความเห็นว่ามิใช่ลายมือชื่อของบุคคลเดียวกันก็ตาม แต่ก็ขึ้นอยู่กับ ความสมเหตุสมผลของความเห็นนั้นด้วย
5. ประจักษ์พยานขัดแย้งกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญถ้าประจักษ์พยานไม่มีพิรุธแม้จะมีปากเดียวก็มีน้ำหนักดีกว่าความเห็นผู้เชี่ยวชาญ ฎีกาที่ 916/2546
6. เมื่อพยานหลักฐานอื่นของโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ยิ่งกว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญความเห็นของผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นเพียงพยานความเห็นจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ (คดีนี้ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าลายมือของผู้ต้องหาชั้นจับกุม เปรียบเทียบกับลายมือจำเลยในชั้นศาลไม่ใช่ลายมือของบุคคลเดียวกัน แต่ศาลไม่เชื่อ)
คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2553
เครื่องจับเท็จเป็นเพียงเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่นำผลการตอบคำถามของจำเลยมาวิเคราะห์ตามหลักวิชาการแล้วประเมินผลจากการวิเคราะห์นั้นว่าจำเลยพูดจริงหรือพูดเท็จ อันมีลักษณะเป็นเพียงความเห็นทางวิชาการย่อมไม่อาจนำมาพิสูจน์ทราบถึงข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยเป็นที่แน่ชัดได้ ต่างกับการพิสูจน์ตัวบุคคลที่อาจพิสูจน์ทราบได้โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เมื่อโจทก์และโจทก์ร่วมไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาประกอบให้เห็นว่าจำเลยฆ่าผู้ตายประการใด ลำพังเครื่องจับเท็จและความเห็นของผู้ชำนาญด้านเครื่องจับเท็จยังไม่อาจรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตาย ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง
2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2478
ลักษณะพะยาน พะยานยานผู้ชำนาญการพิเศษที่เคยเห็นลายมือจำเลยเสมอมาเป็นเวลาตั้ง 10 ปี จำเลยก็ทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชา ดังนี้ศาลรับฟัง+พะยานได้ แลอาจถือเสมือนหนึ่งว่าเป็นพะยานชำนาญ +มีอำนาจที่จะเทียบลายมืออันแท้จริงของจำเลยกับลายมือในเอกสารราย+ได้ว่าเป็นลายมือจำเลยมิใช่
3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2528
การรับฟังความเห็นของผู้ชำนาญการพิเศษตามที่ทางโรงพยาบาลได้ทำการ เจาะเลือดผู้เสียหายจำเลยและทารก เพื่อตรวจหา กลุ่มเลือดแล้ว และระบุผลออกมาเมื่อผู้ตรวจคือผู้ชำนาญในการนี้และทำการตรวจถูกต้อง ตามหลักวิชาแพทย์แล้วมีการทำความเห็นแจ้งผลการตรวจมาและมี พนักงานสอบสวนเบิกความรับรอง เอกสารย่อมเป็นหลักฐานเพียงพอ ให้รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 แล้ว ส่วนวรรคสองของมาตรา 243 ที่ว่าศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็น เป็นหนังสือก็ได้แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือด้วยนั้น บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจ ที่จะทำหรือไม่ก็ได้ มิใช่เป็น บทบังคับเด็ดขาด เมื่อ ศาลมิได้สั่งให้ทำความเห็นเป็นหนังสือ ก็ย่อมไม่ต้องห้าม มิให้รับฟังความเห็นดังกล่าว
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี.ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่มเอ. ดังนี้ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้ เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุม และให้การ ในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่าโดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่