การหมิ่นประมาทผู้อื่น อ้างสำคัญผิดได้ครับ( แต่อย่าทำเลยครับ)|การหมิ่นประมาทผู้อื่น อ้างสำคัญผิดได้ครับ( แต่อย่าทำเลยครับ)

การหมิ่นประมาทผู้อื่น อ้างสำคัญผิดได้ครับ( แต่อย่าทำเลยครับ)

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

การหมิ่นประมาทผู้อื่น อ้างสำคัญผิดได้ครับ( แต่อย่าทำเลยครับ)

  • Defalut Image

การหมิ่นประมาทผู้อื่น พิสูจน์ความจริงเพื่อยกเว้นโทษตามมาตรา 330 ไม่ได้

บทความวันที่ 17 ส.ค. 2560, 13:54

มีผู้อ่านทั้งหมด 4291 ครั้ง


การหมิ่นประมาทผู้อื่น อ้างสำคัญผิดได้ครับ( แต่อย่าทำเลยครับ)

         

             การหมิ่นประมาทผู้อื่น พิสูจน์ความจริงเพื่อยกเว้นโทษตามมาตรา 330 ไม่ได้ แต่อ้างสำคัญผิดตามมาตรา 62 เพื่อยกเว้นโทษได้ ฎีกาที่ 16275/2557  ดังนั้น  ผู้ใดที่หมิ่นประมาทผู้อื่น แต่ถ้าเป็นเรื่องของการเข้าใจผิด หรือสำคัญผิดก็อาจอ้างฎีกาดังกล่าวเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องรับโทษได้  แต่มีความผิดนะครับแต่ทางที่ดีอย่าไปใส่ความผู้อื่นเลยเพราะเป็นบาปเป็นกรรม อาจจะหลุดพ้นเงื้อมมือกฎหมายแต่อาจจะสร้างความเจ็บแค้นน้ำใจให้กับผู้ที่ถูกด่า เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตรา 32 ได้คุ้มครองไว้นะครับบุคคลย่อมมีสิทธิ์ในความเป็นอยู่ส่วนตัว  เกียรติยศชื่อเสียงและครอบครัวลองไปอ่านดูนะครับ ทนายคลายทุกข์ไม่นิยมความรุนแรงและไม่ชี้ช่องชี้นำให้ผู้คนในสังคมไปใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าผู้อื่น เพราะผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม

คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16275/2557
             แม้ขณะที่จำเลยทำหนังสือ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ในขณะนั้นจะไม่ปรากฏคำว่า "แกนนำ" แต่ก็เป็นถ้อยคำที่ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลายทั้งในสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ และในสังคมไทยที่มีการชุมนุมกันทางการเมืองของกลุ่มต่าง ๆ มากมาย โดยเป็นการนำความหมายของคำว่า "แกน" ซึ่งเป็นคำนามหมายความว่า วัตถุแข็งที่อยู่ตรงกลางของสิ่งอื่นสำหรับยึดให้อยู่ และความหมายของคำว่า " นำ" ซึ่งเป็นคำกริยาหมายความว่า ไปข้างหน้า เช่น นำขบวนหรือออกหน้ามากล่าวรวมกันเป็น "แกนนำ" เพื่อบ่งบอกว่า ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นแกนนำในการชุมนุมกันทางการเมืองนั้น เป็นผู้ทำหน้าที่เป็นหลักยึดเป็นผู้นำให้แก่ผู้ร่วมชุมนุมนั่นเอง ซึ่งต่อมาพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ก็ให้ความหมายในทำนองนี้ว่า "แกนนำ" เป็นคำนามแปลว่า ผู้ที่เป็นหลักในการเจรจาเพื่อดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จึงอาจถือเอาตามความหมายที่รู้และเข้าใจกันในการสื่อสารในสังคมไทยในขณะนั้นเพื่อพิจารณาว่าข้อความที่จำเลยกล่าวนั้นเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่
             จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าโจทก์ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของ ด. เป็นแกนนำในการจัดกำลังพนักงานพิทักษ์ป่าและเคลื่อนกำลังไปชนกับกลุ่มของ ส. ที่ชุมนุมกันอยู่ ทำให้เกิดความวุ่นวายและความไม่สงบขึ้นกับบ้านเมืองจริงตามข้อความที่จำเลยเขียน ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบยังไม่ชัดแจ้งเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าโจทก์เป็นแกน             นำกระทำการดังที่จำเลยกล่าวใส่ความจริง แต่จำเลยสำคัญผิดว่ามีอยู่จริง จำเลยย่อมได้รับยกเว้นโทษตาม ป.อ. มาตรา 62 ประกอบมาตรา 330 และปัญหาว่า การกระทำของจำเลยได้รับยกเว้นโทษเพราะสำคัญผิดในข้อที่หาว่าหมิ่นประมาท เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก