คำมั่นกับคำเสนอ
คำมั่นเป็นนิติกรรมฝ่ายเดียวเช่นเดียวกับคำเสนอต้องมีผู้รับรู้ แต่ยังไม่มีผู้รับคำและผูกมัดมากกว่าคำเสนอ บทบัญญัติในเรื่องคำเสนอจึงนำมาใช้กับคำมั่นด้วยอ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 6515/2538
คำพิพากษาฎีกาที่ 6515/2538
เดิมที่ดินพิพาทเป็นของป. และค. บุคคลทั้งสองขายที่ดินพิพาทให้แก่ส. และส.ได้ทำสัญญาไว้แก่ป. และค. ตกลงให้ป. และค. กับโจทก์ด้วยมีสิทธิซื้อคืนได้โดยไม่มีกำหนดเวลาต่อมาส. ถึงแก่กรรมตามสัญญาดังกล่าวเป็นเพียงคำมั่นของส.และโจทก์ไม่ได้สนองรับคำมั่นยังส. ก่อนที่ส.ถึงแก่กรรมและเมื่อส. ถึงแก่กรรมลงโจทก์ก็ทราบแต่ยังตอบรับคำมั่นไปอีกโดยให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของส.ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา360ซึ่งมิให้นำบทบัญญัติมาตรา169วรรคสองมาใช้บังคับหากว่าก่อนจะสนองรับนั้นคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้อยู่แล้วว่าผู้เสนอตายดังนี้คำมั่นว่าจะขายที่ดินพิพาทของส. ย่อมไม่มีผลบังคับจำเลยให้ต้องปฏิบัติตาม
คำมั่นไม่ใช่สัญญาแต่เป็นนิติกรรมฝ่ายเดียว เช่น คำมั่นว่าจะให้สิทธิในการซื้อที่ดินคืน จึงผูกพันคู่กรณีใช้บังคับกันได้ อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 3670/2538