ตั้งข้อหาเกินจริง มีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต
พนักงานสอบสวนแกล้งตั้งข้อหา ฎีกาที่ 849/2482 โดยเปลี่ยนข้อหาจากทำร้ายร่างกายเป็นข้อหาพยายามฆ่าเพราะไม่พอใจผู้ต้องหาเป็นการส่วนตัวถือเป็นการกระทำในตำแหน่งอันมิชอบเพื่อจะแกล้งให้ผู้ต้องหาให้ต้องรับโทษหนักขึ้นผิดมาตรา 200 วรรค 2 ข้อสอบเนติบัณฑิตสมัยที่ 56 ข้อ 1 ติดตามกันต่อไปว่าเป็นการตั้งข้อหาเกินจริงหรือไม่ทนายคลายทุกข์ก็จะช่วยติดตามให้นะครับความเป็นธรรมก็ต้องให้ความเป็นธรรมเท่าเทียมกันเพราะบุคคลเสมอกันในกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 849/2482
ศาลจะกำหนดโทษจำเลยต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่ได้วิธีกำหนดโทษในกรณีรวมกะทงลงโทษได้ความว่าตำรวจจับโจทก์หาว่าโจทก์ขี่จักรยานโดยไม่มีทะเบียนและไม่มีใบอนุญาตขับขี่ แล้วนำตัวส่งต่อจำเลยซึ่งเป็นปลัดอำเภอ ในการสอบสวนจำเลยเพทุบายหาว่าโจทก์หลบหนีที่คุมขังและต่อสู้เจ้าพนักงานและได้ขังโจทก์ไว้เกิน 48 ชั่วโมงโดยเจตนาแกล้งโจทก์ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 270,142 วรรค 2 ที่แก้ไข ศาลชั้นต้นไม่ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น จึงให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยทำผิดจริงให้ลงโทษตามมาตรา 270 จำคุก 15 วัน ตามมาตรา 142 วรรค 2 จำคุก 6 เดือน แต่ให้รอการลงอาญา โจทก์ฎีกาว่าศาลลงโทษจำเลยต่ำกว่าอัตราในกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา 142 วรรค 2 ที่แก้ไขมีอัตราโทษจำคุกอย่างต่ำถึง 1 ปี ศาลอุทธรณ์ลงโทษต่ำกว่าอัตราจริง จึงพิพากษาแก้ให้รวมกะทงลงโทษจำเลยจำคุก 1 ปี ปรับ 100 บาท แต่ให้รอการลงอาญาจำคุกไว้