จะเชื่อใครดี เมื่อดูข่าวเกี่ยวกับคดีความทางสถานีโทรทัศน์หรือโซเชียลมีเดีย (การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน ในคดีอาญา ปวิ อ.มาตรา227)
ต่างคนต่างพูด ภาษากฎหมายเรียกว่า "คำยันคำ" ดังนั้น การจะพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหาต้องอาศัยพยานหลักฐานเท่านั้น ไม่ใช่ความรู้สึกหรือ"ความเชื่อ" เป็นหน้าที่ของผู้เสียหาย และพนักงานสอบสวน ที่กล่าวหาจะต้องช่วยกันรวบรวมพยานหลักฐานมาพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหา ถ้าพิสูจน์ไม่ได้รับฟังไม่ได้ คดีไม่มีมูลเพียงพอ หมายถึง ไม่ครบองค์ประกอบความผิดหรือพยานหลักฐานอ่อน เพราะคดีอาญาเป็นระบบกล่าวหา ใครกล่าวหาก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ตามที่ตัวเองกล่าวหา ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ พนักงานสอบสวน ก็มีความเห็นทางคดีควรสั่งไม่ฟ้อง ผู้ต้องหาถ้าให้การเท็จกฎหมายคุ้มครองในชั้นพนักงานสอบสวนไม่มีความผิด ตาม ปอ.มาตรา 137,มาตรา 172,มาตรา 173 เพราะผู้ต้องหาจะให้การหรือไม่ให้การก็ได้ ตามป.วิ อ.มาตรา 134/4 แต่ถ้าในชั้นศาลเปลี่ยนจากผู้ต้องหาเป็นจำเลยและต้องเบิกความในฐานะพยานด้วย หากเบิกความเท็จไม่มีกฎหมายคุ้มครองครับ มีความผิดฐานเบิกความเท็จ อ้างอิงฎีกาที่ 224/2532 และฎีกาที่ 558/2534
การติดตามข่าวสารทางสถานีโทรทัศน์หรือข่าวทางโซเชียลมีเดียต้องทำจิตใจให้เป็นกลาง (สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่เพราะพยานหลักฐานอยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวนนะครับ) แล้วจะดูข่าวสนุกครับ จากทนายคลายทุกข์ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎหมายสอบถามมาได้นะครับ 081-6161425
คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2532
ในคดีก่อน จำเลยถูก ฟ้องในข้อหาขับรถยนต์ โดยประมาทชนรถยนต์ที่ผู้เสียหาย (โจทก์คดีนี้) ขับสวนทางมา เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส และมีบุคคลอื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายบาดเจ็บ การที่จำเลยเบิกความในคดีก่อนว่า ผู้เสียหายขับรถยนต์ ชนรถยนต์ ที่จำเลยขับในช่องทาง เดินรถของจำเลย มีพวกผู้เสียหายเก็บเศษกระจกและเศษไม้จากช่องทาง เดินรถของจำเลยไปไว้ในช่องทาง เดินรถของผู้เสียหาย เท่ากับเบิกความว่า เหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นความผิดของผู้เสียหาย มิใช่ความผิดของจำเลยซึ่ง เป็นประเด็นโดยตรงของคดีก่อนที่ว่าจำเลยขับรถยนต์ โดยประมาทหรือไม่ข้อความที่จำเลยเบิกความจึงเป็นข้อสำคัญในคดี แม้จำเลยจะมีสิทธิในการต่อสู้ คดีและจะให้การอย่างไร หรือไม่ยอมให้การในคดีก่อนก็ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 ก็ตาม แต่ ในชั้น พิจารณาคดีดังกล่าว ตัว จำเลยได้ เข้าเบิกความในคดีฐานะ พยานซึ่ง เป็นอีกฐานะ หนึ่งต่างหากจากการเป็นตัว จำเลย หากคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จจำเลยก็ต้อง มีความผิดฐาน เบิกความเท็จ จะยกเอาสิทธิในการต่อสู้ คดีของจำเลยมาอ้างเพื่อยกเว้นความรับผิดฐาน เบิกความเท็จหาได้ไม่.