"ทนายไม่ใช่นักเลง และตำรวจก็ไม่ใช่อันธพาล"|หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา,ทนายคลายทุกข์,ทนายเดชา,ทนาย

"ทนายไม่ใช่นักเลง และตำรวจก็ไม่ใช่อันธพาล"

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

"ทนายไม่ใช่นักเลง และตำรวจก็ไม่ใช่อันธพาล"

  • Defalut Image

ผมได้รับโทรศัพท์และ LINE จากเพื่อนตำรวจและทนายความหลายท่าน ให้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ

บทความวันที่ 28 มิ.ย. 2560, 10:15

มีผู้อ่านทั้งหมด 4360 ครั้ง


"ทนายไม่ใช่นักเลง และตำรวจก็ไม่ใช่อันธพาล"

    ผมได้รับโทรศัพท์และ LINE จากเพื่อนตำรวจและทนายความหลายท่าน ให้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ "เรื่องการยุยงส่งเสริมให้ประชาชนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทะเลาะกัน" รวมทั้งพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่เหมาะสม ข่มขู่คุกคามประชาชน  ผมขอเรียนว่าทนายความการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนอกจากจะต้องคำนึงถึงตัวบทกฏหมายและคำพิพากษาฎีกาแล้ว จะต้องคำนึงถึงความสงบเรียบร้อยที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง จรรยาบรรณในวิชาชีพ ด้วยนะครับ รวมทั้งข้อบังคับของสภาทนายว่าด้วยมรรยาททนายความที่มีต่อบุคคลทั่วไป  ส่วนข้าราชการตำรวจนั้นก็มีจรรยาบรรณของตำรวจและพนักงานสอบสวนควบคุมไว้  ตำรวจ การจะพูดจากับประชาชนนั้นต้องพูดจาด้วยถ้อยคำสุภาพไม่ใช่ "ข่มขู่เอะอะโวยวายเสียงดัง"  ดังนั้นหากทนายความจะให้คำปรึกษาประชาชนก็ควรจะให้คำปรึกษาว่า "ประชาชนมีสิทธิอย่างไรบ้างหากถูกเจ้าหน้าที่รัฐรังแก" "ไม่ใช่ไปชี้ช่อง ชี้โพรงว่าการท้าชกกับตำรวจนั้ไม่มีความผิดตามกฏหมาย" "กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา" การพูดหรือการให้คำแนะนำดังกล่าวกับผู้สื่อข่าว "ย่อมเล็งเห็นแล้วว่าผู้สื่อข่าวต้องนำไปเสนอข่าวโฆษณาเผยแพร่" (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 3545/2558) ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะหากมีคนเชื่อคำแนะนำของทนายก็จะไปทะเลาะกับตำรวจมากขึ้นทุกวันสังคมก็จะวุ่นวายครับ 
    ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ทนายคนดังกล่าวเป็นทนายดังมีผู้ติดตามหลายแสนคนและมีการแชร์บทสัมภาษณ์ไปทั่วอินเตอร์เน็ต เกิดความขัดแย้งในสังคมในวงกว้าง อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของรัฐถ้าประพฤติตนไม่เหมาะสม ประชาชนก็มีสิทธิที่จะดำเนินคดีทางวินัยอาญาได้อยู่แล้วครับ ช่องทางที่กฎหมายกำหนดน่าจะใช้ช่องทางสันติวิธีนี้ดีกว่านะครับ เพราะทางตำรวจและพนักงานสอบสวนล้วนมีความรู้ทางกฏหมายดีก็ต้องใช้สิทธิทางศาลยุติธรรม "ไม่ใช่ใช้ศาลเตี้ยครับ" 
    อยากฝากไปยังสภาทนายความให้ดูแลความประพฤติทนายความในการให้ความเห็นทางกฎหมายต่อสื่อมวลชนของทนายด้วยครับ ด้วยความเคารพพี่น้องประชาชน จากทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์
"ปัจจุบันผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งความว่าดูหมิ่นเจ้าพนักงานในการท้าชกกับตำรวจได้ถูกดำเนินคดีอาญาแล้วใครจะรับผิดชอบครับ"

คำพิพากษาฎีกาที่ 3545 / 2558
    ทั้งสองนำความเท็จใส่ร้ายโจทก์แถลงต่อผู้สื่อข่าว ย่อมเล็งเห็นผลว่าผู้สื่อข่าวต้องนำข้อความที่จำเลยทั้งสองแถลงไปเสนอข่าวทางหนังสือพิมพ์ การที่หนังสือพิมพ์เสนอข่าวตามที่จำเลยทั้งสองแถลง จึงเป็นการที่จำเลยทั้งสองใช้ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เป็นเครื่องมือในการหมิ่นประมาทโจทก์  จำเลยทั้งสองย่อมมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ประกอบมาตรา 83 ไม่ใช่มาตรา 326

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก