พิสูจน์-ลักไต
ใช้'เอ็มอาร์ไอ'
ความพยายามในการหาสาเหตุว่าไตข้างขวาของนาง
นาง
ต่อมานางเกษรพร้อมด้วยญาติ
เดินทางต่อไปที่แพทยสภา
กระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำข้อมูลมาให้คณะกรรมการแพทยสภาพิจารณา
อาทิ
ฟิล์มเอกซเรย์ เปรียบเทียบระหว่างโรงพยาบาลกรุงเทพพระประแดง
ซึ่งอัลตราซาวด์เมื่อวันที่
24 ธ.ค. 48 พบว่ามีไตอยู่ครบ
และผลอัลตราซาวด์เมื่อเดือน
ก.ค. 51 ที่โรงพยาบาลบางปะกอก
3 ไม่พบไตข้างขวา
นางเกษรกล่าวว่า
หลังจากที่ได้ตรวจซีทีสแกนที่โรงพยาบาลราชวิถีเมื่อวันที่
15 ก.ค.ยังไม่มีแพทย์
หรือพยาบาลมาอธิบายว่าเพราะเหตุใดไตขวาถึงหายไป ตนสงสัยว่าการผ่าตัดซีสต์มดลูกในปี
49 ที่โรงพยาบาลกรุงธน
2 จะมีผลกระทบต่อไต ทำให้ไตฝ่อได้หรือไม่
ด้าน นพ.
“อย่างไรก็ตาม
แพทยสภายังไม่สรุปว่าเป็นไปตามข้อสันนิษฐานใด จะเป็นการขายไตเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
หรือเป็นการไม่มีไตแต่กำเนิด
หรือไตฝ่อ แม้ว่าโอกาสของการไม่มีไตขวาตั้งแต่กำเนิดจะพบน้อยมากในประชาชนทั่วไป แต่ถือว่ามีโอกาสเกิดมากกว่าแพทย์ผ่าตัดเอาไตไปเปลี่ยนอวัยวะให้กับผู้อื่น” นพ.สมศักดิ์กล่าว
นพ.สมศักดิ์กล่าวต่อว่า
สำหรับแผลของการผ่าตัดซีสต์ที่มดลูกอยู่บริเวณหัวเหน่า การผ่าตัดเปลี่ยนไตทำได้ยากมาก
และหากดำเนินการจริงจะต้องล้วงผ่านลำไส้
และกระเพาะ ถือเป็นเรื่องยาก
ประกอบกับการผ่าตัดเปลี่ยนไตไม่สามารถใช้เวลาได้เพียง
30 นาที อีกทั้งประสิทธิภาพของโรงพยาบาลกรุงธน
2 ที่ผ่าตัดซีสต์ให้ผู้ร้อง ไม่เพียงพอที่จะผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะได้
เพราะต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ถือว่าเป็นผ่าตัดใหญ่
ขั้นตอนต่อไป แพทยสภาจะส่งเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการจริยธรรมของแพทยสภา โดยไม่ต้องมีการร้องเรียน
และจะพานางเกษรไปตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
(เอ็มอาร์ไอ) ที่ศูนย์เอ็มอาร์ไอ
ประชาชื่น
ในเช้าของวันที่
17 ก.ค. เพื่อพิสูจน์ว่าไตหายไปด้วยสาเหตุใด
หากตรวจพบว่ามีรูท่อไต แสดงว่าเป็นการฝ่อของไตมากกว่าการผ่าตัดอวัยวะ เพราะการผ่าไตต้องผ่ารวมไปถึงท่อกรวยไตด้วย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวดีๆจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ